แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้รับรู้ว่าที่เมืองหลวงขณะนี้เหล่าบรรดาคนในสำนักเทียนลู่กำลังพากันหานางที่หายตัวไป
ตอนนี้นางสนใจแค่เรื่องการดูแลหรงซิวเท่านั้น
หลังจากที่หรงซิวหมดสติไปฉู่หลิวเยว่ก็ได้จับชีพจรของเขา แต่พบว่าสถานการณ์ในร่างกายของเขาแปลกมาก
นางไม่สามารถรับรู้ชีพจรดั่งเดิมของหรงซิวได้
หลังจากลองอยู่สองครั้งนางก็สัมผัสได้เพียงความเลือนลางว่ามีแรงบางอย่างปะทะกันอยู่ในร่างกายของหรงซิว ที่คนอื่นๆ ไม่สามารถสัมผัสมันได้
ฉู่หลิวเยว่คาดว่าอาการสาหัสของหรงซิวน่าจะเกี่ยวข้องกับการบังคับเรียกบุตรแห่งร่างทองคำศักดิ์สิทธิ์
เป็นไปไม่ได้ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจอมยุทธระดับเจ็ดที่อยู่นอกพรมแดนม่านฟ้า และนางไม่เคยได้ยินว่าใครสามารถทำเช่นนี้ได้มาก่อน นางจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นคืออันใด นางค่อยๆ ปล่อยให้หรงซิว พิงบนก้อนหิน ก่อนจะมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา นั่นทำให้นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เสวี่ยเสวี่ยเข้ามาจากด้านข้าง ลูบที่ขาของนางก่อนจะครวญครางเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองไปที่มัน
“เจ้าหมายถึงเขาไม่เป็นไรงั้นหรือ”
เสวี่ยเสวี่ยพยักหน้าให้เจ้านายของมันที่เอ่ยออกมาได้ถูกต้อง
ฉู่หลิวเยว่คิดว่าหากนางไม่มาที่นี่ หรงซิงคงจะสามารถกลับไปได้แล้ว แต่เนื่องจากนางอยู่ที่นั่น หรงซิวจึงต้องปกป้องนาง…
การใช้โอกาสนี้บังคับเรียกบุตรแห่งร่างทองคำศักดิ์สิทธิ์นอกพรมแดนม่านฟ้าเป็นการดำเนินการที่ผิดปกติจริงๆ
เสวี่ยเสวี่ยนอนลงข้างกายของนาง พลางคิดว่ายังคงไม่สายเกินไปที่จะกลับไปเมื่อหรงซิวฟื้นตัว เมื่อฉู่หลิวเยว่รับรู้ถึงความเห็นของเสวี่ยเสวี่ย ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
เจ้านายและผู้รับใช้เป็นหนึ่งเดียวกัน เนื่องจากเสวี่ยเสวี่ยรู้สึกว่าหรงซิวสบายดี นั่นทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป
ฉู่หลิวเยว่จับหรงซิวไว้ในอ้อมแขนของนาง ทั้งสองนั่งพิงที่หินด้วยกันอย่างเงียบๆ นางคิดว่าหากรอให้หรงซิวตื่นขึ้นมาแล้วนางจะพาเขากลับไปที่เมืองหลวง
ในที่สุดถวนจื่อก็ตื่นขึ้นก่อนจะปีนขึ้นไปบนไหล่ของฉู่หลิวเยวาแล้วลูบหน้านางอย่างเจ็บใจ
ฉู่หลิวเยว่มองดูถวนจื่อที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างกลับทำให้นางรู้สึกได้ถึงพลังในการต่อสู้ที่ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ยามดึกสายลมทะเลพัดพาความเค็มและเปียกชื้นเล็กน้อยมากระทบบนผิว แสงจันทร์นวลผ่องที่สะท้อนบนพื้นผิวน้ำทะเลเป็นคลื่นเปล่งประกายส่องแสงวิบๆ วับๆ
บริเวณโดยรอบแม้จะเหมือนที่รกร้าง แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ตรงกันข้ามมันเป็นค่ำคืนที่สงบสุขที่หาได้ยากมากตั้งแต่นางเกิดใหม่ นางมองไปที่หรงซิวที่หลับตาพริ้มอยู่ด้านข้างของนาง ก่อนจะพิจมองไปที่ใบหน้าของเขา
อันที่จริงนางยังไม่ได้บอกหรงซิวเรื่องของนางเลยสักเรื่อง แต่ตั้งแต่ที่หรงซิวเรียกบุตรแห่งร่างทองคำศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เย็นชา ไม่แยแส ห่างเหิน!
นางไม่เคยเห็นหรงซิวแบบนี้มาก่อน
แต่…นางรู้สึกว่าในหัวใจของนางมีความคุ้นเคยนี้มาจากไหนก็หาได้รู้ไม่ แม้นนางจะมั่นใจว่านางไม่เคยพบเจอกับหรงซิวมาก่อน ตราบใดที่นางได้พบคนเช่นหรงซิว นางก็คงไม่มีวันประทับใจ
แต่นางไม่ใช่คนที่จะละเลยการระวังตัวจากผู้คนอย่างไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหรงซิว นางมักรู้สึกได้ถึงความสงบสุขในใจที่อธิบายไม่ได้
“พวกเรา…ไม่เคยพบกันใช่หรือไม่”
นางพึมพำออกมาด้วยเสียงต่ำ ก่อนจะรู้สึกว่าความคิดของนางค่อนข้างไร้สาระ ดังนั้นนางจึงยิ้มและหลับตาลง
เสียงที่พึมพำออกมาเมื่อครู่ของนางค่อยๆ หายไปในสายลม ขณะที่นางหลับตาลงไปนั้นดวงตาของหรงซิวก็สั่นขึ้นเล็กน้อย
…
งานสมาคมเยาวชน
ฉู่หลิวเยว่ นางหายตัวไป
ซุนจ้งเหยียนยังต้องรับผิดชอบการจัดงานของงานสมาคมเยาวชน ดังนั้นเขาจึงทิ้งเรื่องไว้ให้ไป๋เชินจัดการและคนอื่นๆ ช่วยเหลือ
แม้ว่าพวกเขาจะกังวลมาก แต่ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เรื่องดังกล่าวมาเสียเวลาในขณะนี้
เมื่อไป๋เชินไปหาฉู่หนิงและบอกเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่หายตัวไป ฉู่หนิงที่รับฟังก็เงียบไป ก่อนจะเอ่ยออกมาว่าตนต้องการใช้องครักษ์ แต่พอคิดได้ก็ยอมแพ้ ก่อนจะเรียกลูกน้องคนสนิทเพียงไม่กี่คน ให้ไปถามเรื่องในเมืองหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์