ฉู่หลิวเยว่นิ่งอึ้งไปทันทีที่ได้ยิน “…”
นางรู้สึกเหมือนว่าหรงซิวจะเตรียมการแล้วรอให้นางตอบว่าเห็นด้วยเพียงเท่านั้น
“แล้วถ้าคราวนี้ข้าไม่มาที่นี่เล่า” นางถามกลับ
หรงซิวเหลือบมองนางพลางเอ่ยว่า “หากไม่ใช่ครั้งนี้ จะเป็นครั้งหน้า หรือครั้งไหน เจ้าก็จะต้องมาอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“หลีอ๋องทรงมั่นใจมาก ถ้าข้าไม่เห็นด้วยกับท่าน สิ่งที่ท่านได้เตรียมไว้นั่นไม่สูญเปล่าๆ หรอกหรือ จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ข้าคิดว่าชายหลีอ๋องควรที่จะมองคนอื่น…”
น้ำเสียงของหรงซิวเอ่ยแทรกขึ้น
“แค่เจ้า…ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็แค่เผามันทิ้งไป”
อย่างไรก็ตามงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นถูกเตรียมไว้สำหรับนางตั้งแต่แรก ถ้านางไม่ต้องการนั่นก็ไม่มีประโยชน์อันใด แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดไปหาใครอื่น เขาหวังเพียงว่าจะใช้ชีวิตคู่กับนางเพียงเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ หรงซิวเอ่ยอย่างอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับว่าเรื่องที่เขาเอ่ยถึงนั่นคือเรื่องธรรมดา ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดที่เอ่ยมาเหล่านั้นน่าตกใจเพียงใด
นางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติก็เอ่ยถาม
“ท่านเริ่ม…เริ่มเตรียมของเพื่อจัดงานแต่งงานเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไร” เป็นไปได้หรือไม่ ที่หรงซิวจะชอบนางตั้งแต่แรกพบ? ที่เขามอมแมมทั้งยังเปื้อนเต็มไปด้วยเลือดของนาง
หรงซิวหรี่ตาลง
“นานมากแล้ว”
นานมาแล้ว?
นั่นคือนานแค่ไหนกัน?
ฉู่หลิวเยว่มีคำถามมากมายที่อยากจะเอ่ยถามแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อหรงซิวเดินเข้ามาโอบกอดนางก่อนจะพานางก้าวเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย
ลำแสงนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นเขตแดนรอบตัวพวกเขาทั้งสองคนทันที!
เมื่อความมืดปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเขา นั่นหมายถึงพวกเขาทั้งสองได้เข้าไปในความว่างเปล่าของค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว
…
เพียงเวลาไม่ถึงเค่อฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็กลับมาที่ป่า
หลังจากเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย ภาพที่เคยเป็นทะเลสาบเขตแดนรอบๆ ตัวก็ได้หายไปในที่สุด นั่นทำให้ฉู่หลิวเยว่มองย้อนกลับไป
ยามนี้เป็นยามอู่ หมอกสีขาวหนาทึบบนทะเลสาบดูเหมือนจะจางหายไปแล้ว แต่ลำแสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ด้านล่างนั่นดูเหมือนว่ามันจะถูกซ่อนไว้
หากมองจากภายนอกคงไม่สามารถสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้เลย
“มีเขตแดนอื่นอยู่อีกนอกเหนือจากทะเลสาบนี้ และคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะไม่พบรูปแบบการเคลื่อนย้ายมวลสารนี้”
หรงซิวเห็นท่าทางสงสัยนั่นก็อธิบายให้เข้าใจราวกับคาดเดาความคิดของนางออก
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ทันใดนั้นก็คิดเรื่องบางอย่างออก
“เช่นนั้น เจ้าก็ตั้งใจให้ข้าเข้าไป?”
หรงซิวหันไปมองเสวี่ยเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยรอยยิ้ม
เสวี่ยเสวี่ยยกคอขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
เกิดอะไรขึ้น!
มันเป็นความตั้งใจ!
ถ้าไม่ใช่เพราะมันกระตือรือร้นขนาดนี้ เจ้านายคงยังไม่รู้ว่าเขาจะได้แต่งงานเมื่อใด!
หึ!
ถวนจื่อมองไปที่เสวี่ยเสวี่ยด้วยความรังเกียจ
แน่นอนว่าเจ้านายอย่างหรงซิวไม่มียางอาย เช่นเดียวกันกับสัตว์อสูรที่เขาเลี้ยงไว้ เสวี่ยเสวี่ยยิ้มโชว์ฟันใส่ถวนจื่อทันที ถวนจื่อหันหน้าหนีพลางสะบัดหางใส่
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะกับท่าทีของสัตว์ทั้งสองตัว
อย่างไรก็ตาม ถวนจื่อดูเหมือนจะไม่ชอบเสวี่ยเสวี่ย แม้จะถูกยั่วยวนบ้างเป็นบางครั้งแต่ถวนจื่อกลับไม่ทำอันใด เหตุผลก็คือว่า เสวี่ยเสวี่ยเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ส่วนระดับของถวนจื่อนั้นต่ำกว่ามาก เนื่องจากระดับของทั้งสองต่างกันถวนจื่อจึงไม่กล้าทำ แต่เมื่อคิดว่าถวนจื่อได้เพิกเฉยต่อคำสั่งของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา นางก็โล่งใจเช่นกัน
เมื่อมีโอกาสนางคงต้องศึกษาถวนจื่ออย่างถี่ถ้วน
แสงแดดจ้าที่สะท้อนอยู่ในป่าทำให้ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะนึกขึ้นว่าวันนี้มีการประลองอื่นอีกการประลองหนึ่ง
“วันนี้ยังมีงานสมาคมเยาวชน!”
“ณ เวลานี้…การประลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแน่นอน” หรงซิวยกยิ้ม
“ดูเหมือนเจ้าจะกังวลอย่างมากเกี่ยวกับงานสมาคมเยาวชนนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์