ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางนั้นอย่างตั้งใจ
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งใบหน้าซีดขาวยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหน้าของเขามีเตาหลอมโอสถที่เปลวไฟมอดลงไปแล้ว ด้านในเหลือเพียงขี้เถ้าก้อนดำๆ
เสียงที่ได้ยินนั้น คือเสียงที่ดังมาจากด้านใน
นั่นคือการหลอมโอสถล้มเหลว
เมื่อดูจากเสื้อผ้าแล้ว เขาคือศิษย์จากสำนักไท่เหยี่ยน
อาจารย์ผู้ตัดสินที่อยู่ด้านข้างได้กล่าวเตือนขึ้นว่า
“เจ้ายังมีโอกาสอีกหนึ่งครั้ง”
เด็กหนุ่มคนนั้นถึงได้สติกลับคืนมา จากนั้นก็รีบพยักหน้ารัวๆ พร้อมรีบนำเตาหลอมไปทำความสะอาด และหยิบสมุนไพรห่อที่สองออกมาหลอมอีกครั้ง
บางทีเพราะความล้มเหลวในครั้งแรก จึงทำให้เขารู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มือที่ใช้หยิบสมุนไพรจึงสั่นอยู่ตลอดเวลา
อาจารย์ผู้ตัดสินแอบส่ายหน้าเล็กน้อย
ส่วนบางคนที่ดูอยู่ ก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
สถานการณ์แบบนี้พวกเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว
ภายใต้การแข่งขันนั้นมีความกดดันอย่างมาก เมื่อล้มเหลวไปแล้วหนึ่งครั้ง มันจึงเป็นการโจมตีครั้งใหญ่
มีศิษย์หลายคนที่จิตใจไม่แข็งแกร่งพอ หลังจากที่หลอมโอสถครั้งแรกล้มเหลว ก็หมดความมั่นใจอย่างรวดเร็ว การหลอมครั้งที่สองจึงล้มเหลวอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มคนนั้นก็สับสน และหยิบสมุนไพรผิดลำดับขั้นตอน กว่าที่เขาจะรู้ตัว เขาก็ต้องเริ่มหยิบสมุนไพรออกมาจากเตาหลอมใหม่อีกครั้ง
ด้วยการเคลื่อนไหวแบบนี้ จึงไม่สามารถควบคุมไฟที่อยู่ใต้เตาหลอมได้ จากนั้นจึงระเบิดขึ้นอีกครั้ง!
สมุนไพรที่ไม่สามารถหลอมเป็นโอสถได้นั้น ก็ต้องเสียเปล่าไปทั้งอย่างนั้น
อาจารย์ผู้ตัดสินก็ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เขาส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“หมายเลยสามสิบเจ็ด ตกรอบ!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ จากนั้นก็เดินลงจากเวทีไปอย่างหมดแรง
“เด็กคนนั้นคือคนที่ตกรอบคนแรกของปีนี้เลยใช่หรือไม่?”
“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าการหลอมครั้งที่สองจะไม่ได้ดีเท่าครั้งแรก ร้ายดีอย่างใดก่อนหน้านี้ก็กลั่นสมุนไพรออกมาได้แล้ว แต่การหลอมรวมเท่านั้นที่มีปัญหา!”
“น่าจะเป็นเพราะว่าเขาตื่นเต้นเกินไปล่ะมั้ง…อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตอนที่ข้าดูหัวใจข้าก็แทบหยุดเต้น!”
“ถือว่าไม่มีทั้งพรสวรรค์และฝีมือ! เจ้าดูซือถูซิงเฉินสิ ตั้งแต่ขึ้นเวทีมาจนถึงตอนนี้ นางก็ยังสงบมากเลย แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นางเข้าร่วมงานสมาคมเยาวชน แต่ฝีมือการหลอมโอสถนั้น กลับดูราบรื่นมากกว่าคนอื่นเสียอีก”
“ไม่ว่าอย่างใดนางก็เป็นองค์หญิงใหญ่ของแคว้นซิงหลัว สมคำร่ำลือแล้วจริงๆ…”
…
ซือถูซิงเฉินมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อหวังที่หนึ่ง ดังนั้นตั้งแต่แรกนางจึงเลือกใบเทียบยาระดับที่ยากที่สุดโดยไม่ลังเล
ดังนั้นสมุนไพรที่วางอยู่ด้านข้างของนาง จึงมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว
ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่เลือก ระดับกลาง หรือ ระดับต่ำ นั้นก็เริ่มทำการหลอมกันแล้ว แต่นางกลับยังยุ่งอยู่กับการจัดสมุนไพรให้เป็นระเบียบอยู่
จากนั้นก็มีคนโดนคัดออกมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อซือถูซิงเฉินได้ยินเสียงเหล่านั้น นางไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย มีเพียงเงยหน้าขึ้นมาในบางครั้ง พร้อมกวาดตามองคนที่เลือก ระดับสูง แบบเดียวกับนางนั้นมีความคืบหน้าเป็นอย่างใดบ้างแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ ล้วนไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย
…
เวลาค่อยๆ ผ่านไป คนตกรอบก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงเวลาเที่ยง ก็เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่กำลังรอให้คนคนนั้นปรากฏตัวอยู่ตลอด หลังจากกวาดสายตาไปมอง แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งนั้น
ในใจของนางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้ผ่อนคลาย นางยังคงเฝ้ารอ และระวังตัวอยู่ตลอด
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมาอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องมีแผนการอันใดแน่นอน
ตอนนี้มีคนอยู่ในงานมากมายขนาดนี้ ไม่เหมาะแก่การลงมือ บางทีอาจจะต้องรอให้งานจบก่อน…
…
จักรพรรดิจยาเหวินมองดูการแข่งขัน แล้วหัวเราะออกมาว่า
“ซือถูซิงเฉินนี่โดดเด่นจริงๆ หลายปีก่อนที่เจิ้นได้เจอกับนาง นางเป็นแค่เด็กตัวน้อยๆ ตอนนี้รูปงามขึ้นมากเลย”
ไม่ว่าจะหน้าตาหรือพรสวรรค์ล้วนโดดเด่นทั้งนั้น
จักรพรรดินีมองหน้าสีหน้าจักรพรรดิจยาเหวิน เหมือนว่าพระองค์จะชอบซือถูซิงเฉินอย่างมาก นางจึงยิ้ม และกล่าวชมเชยว่า
ถ้าเป็นเขาในตอนก่อนหน้านี้ เขาจะดีใจมากที่ได้แต่งงานกับซือถูซิงเฉิน
ใครจะไม่อยากได้พระชายาที่สมบูรณ์แบบบ้างเล่า?
แต่ตอนนี้ในใจของเขามีเพียงฉู่หลิวเยว่คนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างใด เขาก็ไม่อยากให้เปลี่ยนเป็นคนอื่น
เขากระแอมไอหนึ่งครั้ง พร้อมพูดกับหรงฉีที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาว่า
“ได้ยินมาว่าการประลองเมื่อสองวันก่อน ฉู่หลิวเยว่เป็นคนชนะทั้งสองครั้งเลยหรือ?”
หรงฉีชะงักไป
พี่ใหญ่ของเขาผู้นี้เกลียดฉู่หลิวเยว่คนนั้นมากไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้อยู่ถึงพูดถึงนางขึ้นมาได้ล่ะ?
จากนั้นเขาก็นึกได้ว่า เมื่อสองวันก่อนท่าทางการปฏิบัติของรัชทายาทที่มีต่อฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไป อย่างน้อยก็เคยเชิญนางในที่สาธารณะด้วย
แต่ว่าก็ถูกนางปฏิเสธกลับมา
เอาตามความเข้าใจของเขา เขาไม่ควรจะมีความเกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่อีกต่อไปแล้ว
หรงฉีพยักหน้า
“เหมือนว่าจะใช่…หลายวันก่อนน้องไม่ได้มา ดังนั้นจึงไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด… แต่ว่าเสด็จพี่ เหตุใดจู่ๆ ถึงพูดถึงนางขึ้นมาได้พ่ะย่ะค่ะ? ไม่ใช่ว่าท่าน…”
หรงจิ้นหัวเราะ
“นางช่วยข้ามาครั้งหนึ่ง ข้ายังไม่ทันได้ขอบคุณนางต่อหน้าเลย”
หรงฉีกลับรู้สึกแปลกใจมากยิ่งกว่าเดิม เมื่อตอนที่หรงจิ้นพูดถึงฉู่หลิวเยว่นั้น แววตามีประกายแปลกๆ แผ่ออกมาด้วย
เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองหน้าเขา
คาดไม่ถึงว่าหรงจิ้นจะช่วยพูดให้ฉู่หลิวเยว่?
ดูเหมือนว่าเรื่องราวในช่วงนี้ เปลี่ยนแปลงตัวเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
“หลิวเยว่ เด็กคนนั้น เป็นคนดีมากจริงๆ”
หรงจิ้นพยักหน้า แล้วหัวเราะอย่างขื่นขม
“เสด็จพ่อพูดถูก ก่อนหน้านี้ลูกตาไม่มีแวว ถึงได้มองพลาดไป ตอนนี้ลูก…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...