ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 263

“เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะคิดเช่นนี้ แต่รอให้ร่างกายของเจ้าหายดีเมื่อไหร่ ค่อยไปขอบคุณนางก็ยังไม่สาย” จักรพรรดินีพูดตัดบทหรงจิ้น

แม้ว่านางจะกำลังหัวเราะอยู่ แต่สายตาที่มองหรงจิ้นนั้น เต็มไปด้วยคำเตือน

ริมฝีปากของหรงจิ้นขยับพะงาบๆ แต่สุดท้ายเขาก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ

ตอนนี้เสด็จพ่อมองเขาเปลี่ยนไปแล้ว รอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยพูด บางทีอาจจะเหมาะสมกว่า

จักรพรรดิจยาเหวินเหลือบไปมองหรงจิ้นด้วยสายตาสื่อความหมาย

จากที่เขารู้จักลูกชายคนนี้ แม้ว่าฉู่หลิงเยว่เคยช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง แต่เหมือนว่าเขาก็ยังไม่ยอมรับความผิดในอดีตที่ตัวเองเคยก่อ

แต่ท่าทางของเขาแบบนี้มันแปลกๆ ไป

ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“อื้อ ได้ยินมาว่าช่วงนี้ฉู่เซียนหมิ่นดูแลอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเลยหรือ?”

หรงจิ้นพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

แต่จักรพรรดิจยาเหวินกลับหัวเราะขึ้นมา

“เด็กคนนั้นก็ไม่เลวนะ จริงใจกับเจ้ามากเลยทีเดียว รอให้ผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่ง ค่อยเลื่อน…“

“ฝ่าบาท ตอนนี้ความสัมพันธ์ของตระกูลกู้กับตระกูลฉู่ขาดกันไปชั่วคราวนะเพคะ”

จักรพรรดินีเตือนเสียงเบา

จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป จากนั้นค่อยนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ลู่เหยา มารดาของฉู่เซียนหมิ่นทำเรื่องงามหน้า เอาไว้ไม่น้อยเลย ไม่เพียงแต่จะขโมยเงินตระกูลฉู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังแอบยุยงให้แม่ใหญ่ตระกูลกู้ ไปก่อความวุ่นวายที่สำนักเทียนลู่อีกด้วย

หากไม่ใช่เพราะตระกูลลู่และตำหนักองค์รัชทายาท เกรงว่าลู่เหยาก็ไม่สามารถไปมีชีวิตใหม่ได้แล้ว

แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว ถือว่านางก็ได้รับบทเรียนอย่างหนักแล้ว

เมื่อมีพ่อแม่และครอบครัวฝ่ายแม่เช่นนี้ ชื่อเสียงของฉู่เซียนหมิ่นจึงไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก

ซึ่งก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องเลื่อนขั้น

จักรพรรดิขยาเหวินจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป

“เจ้าดูแลนางให้ดีก็พอ…”

“ลูกเข้าใจแล้ว”

หรงจิ้นขานรับ แต่ในใจกลับไม่เห็นด้วย

เสด็จพ่อยังไม่เคยเห็นหน้าของฉู่เซียนหมิ่น ถึงได้พูดอันใดที่มันง่ายดายเช่นนั้นออกมาได้

เขาก็อยากทำดีกับฉู่เซียนหมิ่นสักหน่อย แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าของนาง เขาจะนึกถึงใบหน้าที่น่ากลัว และสยดสยองในคืนนั้นขึ้นมาทันที

ไม่ว่าอย่างใดเขาก็เกิดความชอบขึ้นไม่ได้จริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลฉู่กำลังตกต่ำ สถานการณ์ของลู่เหยากับฉู่เยี่ยนก็ไม่ได้ดีเช่นกัน

เขาไม่ได้รังเกียจครอบครัวของฉู่เซียนหมิ่นที่สร้างความเดือดร้อนให้เขาก็ถือว่าเป็นความเมตตามากพอแล้ว ยังจะให้เขาทำดีกับนางได้อย่างใดอีก?

ตึง!

ทันใดนั้นเองที่กลางสนามก็มีเสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้น

นั้นเป็นเสียงที่ใครบางคนสามารถหลอมโอสถได้สำเร็จ

ทุกคนรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว พบว่าคนที่สามารถหลอมสำเร็จเป็นคนแรกก็คือ เหอหยาง

หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เพราะว่าประหม่าและตื่นเต้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

ในตอนนั้นเอง เขาก็นำโอสถออกอย่างเตาหลอมของตนเองอย่างระมัดระวัง พร้อมวางไปที่กล่องหยกที่เตรียมเอาไว้อยู่ด้านข้าง

กลิ่นโอสถที่เข้มข้นพวยพุ่งออกมา

“ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะหลอมออกมาอย่างงดงาม ประสิทธิภาพของโอสถเม็ดนี้นั้นไม่ต่ำเลยจริงๆ!”

“ได้ยินมาว่าปีที่แล้วเขาสามารถสอบผ่านหมอระดับสามแล้ว เพียงแค่อีกหนึ่งก้าว เขาก็สามารถเป็นเซียนหมอที่แท้จริงได้แล้ว!”

“เหอะ ตราบใดที่เขายังไม่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ ก็ไม่ถือว่าเป็นเซียนหมอหรอก เมื่อรู้เกณฑ์เช่นนี้แล้ว เขาจะก้าวผ่านไปได้หรือไม่? รู้หรือไม่ คนบางคนหยุดอยู่ระดับสามตลอดชีวิตเลยก็มีนะ!”

“พูดน่ะมันง่าย! แต่จำนวนเซียนหมอในแคว้นเย่าเฉินยังมีไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ สามารถมาเป็นหมอระดับสามนับว่าไม่เลวแล้ว แต่เซียนหมอไม่ได้เป็นกันทุกคนหรอก สำหรับข้าแล้ว ในสนามนี้เกรงว่าคนที่จะสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ น่าจะมีไม่ถึงสามคนด้วยซ้ำ ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างใดนั้นก็พูดได้ยาก!”

เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นกล่องหยกให้กับเซียนหมอทั้งสามที่ยนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความระมัดระวัง

คนทั้งสามคนนี้ มาจากสามสำนัก มาร่วมตัดสินพร้อมกันเพื่อความยุติธรรม

คนตรงกลางคือ ผู้อาวุโสเฟิงอี้ จากสำนักเทียนลู่

ทางซ้ายคือผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยจากสำนักหนานเฟิง ส่วนทางขวาคือผู้อาวุโสมั่วชัง จากสำนักไท่เหยี่ยน

“ฮ่าๆ หากที่นี่มีคนที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ แต่ต้องให้ข้ารอ ข้าก็จะรออย่างมีความสุข”

ผู้อาวุโสเฟิงอี้และผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยสบสายตากัน

มีใครไม่รู้บ้างว่าผู้อาวุโสมั่วชังเขากำลังแอบชมซือถูซิงเฉิน?

ด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ราวกับว่าซือถูซิงเฉินสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้นั้นเป็นเรื่องปกติ!

เหอะ!

ในตอนนั้นเองที่กลางสนามประลองก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น!

ผู้ชมทั้งสนามต่างหันไปดูอย่างรวดเร็ว เห็นว่าระลอกคลื่นเหล่านั้นลอยออกมาจากเตาหลอมด้านหน้าของเด็กคนหนึ่ง!

“นั่นมัน…ยาอายุวัฒนะ!”

ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยกล่าวขึ้นมาอย่างตกใจ

เด็กคนนั้นอยู่สำนักหนานเฟิงเหมือนกับเขา เขาจึงดีใจมากถ้าโอสถเม็ดนั้นคือยาอายุวัฒนะ

ผู้อาวุโสเฟิงอี้จ้องมองไปอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด

ตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสมั่วชังที่เหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่

“สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ? อย่าเพิ่งใจร้อนเกินไปนัก? หากมีอันใดผิดพลาดขึ้นมา…”

ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

“มั่วชัง ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าศิษย์สำนักไท่เหยี่ยนของพวกเจ้าไม่ดี”

มั่วชังยักไหล่

“หรือว่าเจ้าดูไม่ออกหรือ? เปลวไฟในเตาหลอมของเขา ไม่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้น”

เฉิงลี่เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง และจ้องมองไป เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย

ใบหน้าของเด็กคนนั้นซีดขาวอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทา ราวกับว่าถึงขีดจำกัดแล้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ เย็นลง

หลังจากนั้นไม่นาน เปลวไฟในเตาหลอมนั้นก็ดับสนิท จริงๆ ขนาดสมุนไพรที่กำลังหลอมเป็นโอสถ ก็กลายเป็นขี้เถ้าลอยขึ้นไปในอากาศ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์