“เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะคิดเช่นนี้ แต่รอให้ร่างกายของเจ้าหายดีเมื่อไหร่ ค่อยไปขอบคุณนางก็ยังไม่สาย” จักรพรรดินีพูดตัดบทหรงจิ้น
แม้ว่านางจะกำลังหัวเราะอยู่ แต่สายตาที่มองหรงจิ้นนั้น เต็มไปด้วยคำเตือน
ริมฝีปากของหรงจิ้นขยับพะงาบๆ แต่สุดท้ายเขาก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
ตอนนี้เสด็จพ่อมองเขาเปลี่ยนไปแล้ว รอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยพูด บางทีอาจจะเหมาะสมกว่า
จักรพรรดิจยาเหวินเหลือบไปมองหรงจิ้นด้วยสายตาสื่อความหมาย
จากที่เขารู้จักลูกชายคนนี้ แม้ว่าฉู่หลิงเยว่เคยช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง แต่เหมือนว่าเขาก็ยังไม่ยอมรับความผิดในอดีตที่ตัวเองเคยก่อ
แต่ท่าทางของเขาแบบนี้มันแปลกๆ ไป
ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อื้อ ได้ยินมาว่าช่วงนี้ฉู่เซียนหมิ่นดูแลอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเลยหรือ?”
หรงจิ้นพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
แต่จักรพรรดิจยาเหวินกลับหัวเราะขึ้นมา
“เด็กคนนั้นก็ไม่เลวนะ จริงใจกับเจ้ามากเลยทีเดียว รอให้ผ่านไปสักระยะเวลาหนึ่ง ค่อยเลื่อน…“
“ฝ่าบาท ตอนนี้ความสัมพันธ์ของตระกูลกู้กับตระกูลฉู่ขาดกันไปชั่วคราวนะเพคะ”
จักรพรรดินีเตือนเสียงเบา
จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป จากนั้นค่อยนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ลู่เหยา มารดาของฉู่เซียนหมิ่นทำเรื่องงามหน้า เอาไว้ไม่น้อยเลย ไม่เพียงแต่จะขโมยเงินตระกูลฉู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังแอบยุยงให้แม่ใหญ่ตระกูลกู้ ไปก่อความวุ่นวายที่สำนักเทียนลู่อีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะตระกูลลู่และตำหนักองค์รัชทายาท เกรงว่าลู่เหยาก็ไม่สามารถไปมีชีวิตใหม่ได้แล้ว
แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว ถือว่านางก็ได้รับบทเรียนอย่างหนักแล้ว
เมื่อมีพ่อแม่และครอบครัวฝ่ายแม่เช่นนี้ ชื่อเสียงของฉู่เซียนหมิ่นจึงไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก
ซึ่งก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องเลื่อนขั้น
จักรพรรดิขยาเหวินจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไป
“เจ้าดูแลนางให้ดีก็พอ…”
“ลูกเข้าใจแล้ว”
หรงจิ้นขานรับ แต่ในใจกลับไม่เห็นด้วย
เสด็จพ่อยังไม่เคยเห็นหน้าของฉู่เซียนหมิ่น ถึงได้พูดอันใดที่มันง่ายดายเช่นนั้นออกมาได้
เขาก็อยากทำดีกับฉู่เซียนหมิ่นสักหน่อย แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าของนาง เขาจะนึกถึงใบหน้าที่น่ากลัว และสยดสยองในคืนนั้นขึ้นมาทันที
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็เกิดความชอบขึ้นไม่ได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลฉู่กำลังตกต่ำ สถานการณ์ของลู่เหยากับฉู่เยี่ยนก็ไม่ได้ดีเช่นกัน
เขาไม่ได้รังเกียจครอบครัวของฉู่เซียนหมิ่นที่สร้างความเดือดร้อนให้เขาก็ถือว่าเป็นความเมตตามากพอแล้ว ยังจะให้เขาทำดีกับนางได้อย่างใดอีก?
…
ตึง!
ทันใดนั้นเองที่กลางสนามก็มีเสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้น
นั้นเป็นเสียงที่ใครบางคนสามารถหลอมโอสถได้สำเร็จ
ทุกคนรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว พบว่าคนที่สามารถหลอมสำเร็จเป็นคนแรกก็คือ เหอหยาง
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เพราะว่าประหม่าและตื่นเต้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
ในตอนนั้นเอง เขาก็นำโอสถออกอย่างเตาหลอมของตนเองอย่างระมัดระวัง พร้อมวางไปที่กล่องหยกที่เตรียมเอาไว้อยู่ด้านข้าง
กลิ่นโอสถที่เข้มข้นพวยพุ่งออกมา
“ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะหลอมออกมาอย่างงดงาม ประสิทธิภาพของโอสถเม็ดนี้นั้นไม่ต่ำเลยจริงๆ!”
“ได้ยินมาว่าปีที่แล้วเขาสามารถสอบผ่านหมอระดับสามแล้ว เพียงแค่อีกหนึ่งก้าว เขาก็สามารถเป็นเซียนหมอที่แท้จริงได้แล้ว!”
“เหอะ ตราบใดที่เขายังไม่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ ก็ไม่ถือว่าเป็นเซียนหมอหรอก เมื่อรู้เกณฑ์เช่นนี้แล้ว เขาจะก้าวผ่านไปได้หรือไม่? รู้หรือไม่ คนบางคนหยุดอยู่ระดับสามตลอดชีวิตเลยก็มีนะ!”
“พูดน่ะมันง่าย! แต่จำนวนเซียนหมอในแคว้นเย่าเฉินยังมีไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ สามารถมาเป็นหมอระดับสามนับว่าไม่เลวแล้ว แต่เซียนหมอไม่ได้เป็นกันทุกคนหรอก สำหรับข้าแล้ว ในสนามนี้เกรงว่าคนที่จะสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ น่าจะมีไม่ถึงสามคนด้วยซ้ำ ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างใดนั้นก็พูดได้ยาก!”
เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นกล่องหยกให้กับเซียนหมอทั้งสามที่ยนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความระมัดระวัง
คนทั้งสามคนนี้ มาจากสามสำนัก มาร่วมตัดสินพร้อมกันเพื่อความยุติธรรม
คนตรงกลางคือ ผู้อาวุโสเฟิงอี้ จากสำนักเทียนลู่
ทางซ้ายคือผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยจากสำนักหนานเฟิง ส่วนทางขวาคือผู้อาวุโสมั่วชัง จากสำนักไท่เหยี่ยน
“ฮ่าๆ หากที่นี่มีคนที่สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้ แต่ต้องให้ข้ารอ ข้าก็จะรออย่างมีความสุข”
ผู้อาวุโสเฟิงอี้และผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยสบสายตากัน
มีใครไม่รู้บ้างว่าผู้อาวุโสมั่วชังเขากำลังแอบชมซือถูซิงเฉิน?
ด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ราวกับว่าซือถูซิงเฉินสามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้นั้นเป็นเรื่องปกติ!
เหอะ!
ในตอนนั้นเองที่กลางสนามประลองก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น!
ผู้ชมทั้งสนามต่างหันไปดูอย่างรวดเร็ว เห็นว่าระลอกคลื่นเหล่านั้นลอยออกมาจากเตาหลอมด้านหน้าของเด็กคนหนึ่ง!
“นั่นมัน…ยาอายุวัฒนะ!”
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยกล่าวขึ้นมาอย่างตกใจ
เด็กคนนั้นอยู่สำนักหนานเฟิงเหมือนกับเขา เขาจึงดีใจมากถ้าโอสถเม็ดนั้นคือยาอายุวัฒนะ
ผู้อาวุโสเฟิงอี้จ้องมองไปอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด
ตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสมั่วชังที่เหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่
“สามารถหลอมยาอายุวัฒนะได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ? อย่าเพิ่งใจร้อนเกินไปนัก? หากมีอันใดผิดพลาดขึ้นมา…”
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“มั่วชัง ข้ายังไม่ได้บอกสักคำว่าศิษย์สำนักไท่เหยี่ยนของพวกเจ้าไม่ดี”
มั่วชังยักไหล่
“หรือว่าเจ้าดูไม่ออกหรือ? เปลวไฟในเตาหลอมของเขา ไม่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้น”
เฉิงลี่เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง และจ้องมองไป เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย
ใบหน้าของเด็กคนนั้นซีดขาวอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทา ราวกับว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ เย็นลง
หลังจากนั้นไม่นาน เปลวไฟในเตาหลอมนั้นก็ดับสนิท จริงๆ ขนาดสมุนไพรที่กำลังหลอมเป็นโอสถ ก็กลายเป็นขี้เถ้าลอยขึ้นไปในอากาศ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...