“มั่วชัง เจ้าพูดแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร? หลิวเยว่กำลังเป็นตัวแทนแข่งขันให้กับสำนักของเจ้าอยู่ เจ้ามาบอกว่านางอวดเก่งแบบนี้ เจ้าอยากให้สำนักของเจ้าแพ้นักหรือไง?”
ผู้อาวุโสเฟิงอี้ตอบกลับลอยๆ
ผู้อาวุโสมั่วชังโมโห “เจ้า!”
แต่ผู้อาวุโสเฟิงอี้กลับเสตาละจากเขาแล้วมองไปยังเม็ดยาที่อยู่ในกล่องหยก เห็นรอยแยกสี่รอยได้อย่างชัดเจน!
แต่รอยแยกสี่ที่ที่อยู่บนนั้นเห็นได้ชัดว่าตื้นเหมือนของเหลิ่งชวน
ผู้อาวุโสเฟิงอี้ครุ่นคิดสักพัก
“ซื่อผิ่น ระดับต่ำ”
ยาที่เขาทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าอยู่ระดับไหน เฉิงลี่เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ รีบนำยาเม็ดไปดูอย่างละเอียด ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ซื่อผิ่น ระดับต่ำ”
ผู้อาวุโสมั่วชังเหลือบมองอย่างมีเลศนัย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมากก่อนจะให้เพียงคำตัดสินเท่านั้น ผู้เฒ่าเฟิงอี้พยักหน้าให้กับจี้จื่อฉิง
“เห็นสูตรยาครั้งแรกแล้วสามารถทำยาขึ้นมาได้นั้นใช้ได้เลยล่ะ ดูเหมือนช่วงนี้เจ้าพัฒนาขึ้นนะ”
จี้จื่อฉิงกุมมือคำนับ
“ท่านอาจารย์ชมข้ามากไปแล้ว ศิษย์คนนี้ยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอยู่อีกมาก” เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ
ในบรรดาของคนที่หยิบสูตรยาระดับสูง คงจะเป็นเขาที่ช้าที่สุด เขาใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูปในการศึกษาทดลองสูตรยาสูตรนั้น และเป็นคนที่ลองทำยาเม็ดช้าที่สุดเช่นกัน แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ที่มาแข่งขันระหว่างที่ทุกคนดำเนินการศึกษาไปแล้วก็ยังทำได้เร็วกว่าเขาเสียอีก ถึงแม้ว่าเขาจะทำออกมาได้สำเร็จ แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว เขาก็ดูงุ่มง่ามกว่าอยู่ดี “เจ้ามีข้อดีของเจ้า อย่าได้ถ่อมตัวเกินไป”
เห็นจี้จื่อฉิงไม่ได้โอ้อวดกับความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้อาวุโสเฟิงอี้จึงรู้สึกพอใจในตัวเขามาก
สำหรับคนเป็นแพทย์แล้ว การมีจิตใจที่ดีก็เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่สุดเช่นกัน
“เจ้าไปพักผ่อนก่อน รอทางหลิวเยว่ทำเสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”
“รับทราบ”
…
ในสนามแข่งขัน เหลือแค่ฉู่หลิวเยว่เพียงคนเดียว แววตาของทุกคนจึงรวมกันอยู่ที่นาง ทั้งรอคอย และเยาะเย้ย…ฉู่หลิวเยว่ทำเหมือนไม่เห็นและยังคงมุ่งมั่นอดทนต่อไป เพื่อเป็นการรักษาประสิทธิภาพเอาไว้ นางจึงควบคุมและลดไฟในหม้อต้มยา และรวมสิ่งที่เหลือทั้งหมดให้อยู่ตรงกลาง เพราะแบบนั้นจึงทำให้นางต้องใช้เวลานานขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไปทุกคนก็พากันหงุดหงิด และเกิดความสงสัยขึ้นมา
“ทำไมฉู่หลิวเยว่ยังไม่เสร็จสักทีนะ? ก่อนหน้านี้ยังบอกว่านางเร็วอยู่เลย ตอนนี้จี้จื่อฉิงก็ทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว ยาเม็ดของนางก็ยังไม่สำเร็จสักที”
“หรือว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น?”
“ข้าดูแล้วร้อยละแปดสิบต้องเละแน่นอน! พวกเจ้าลองคิดดูสิ เหลิ่งชวน และจี้จื่อฉิงต่างก็ทำยาเม็ดออกมาได้สำเร็จแล้ว ใครจะไปเหมือนนางที่ต้องใช้เวลาทำนานถึงเพียงนี้?”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน! สุดท้ายต้องเป็นเพราะอัตราส่วนน้ำไม่พอแน่นอน…ต่อให้นางจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เยี่ย เหมือนว่าเพิ่งจะฝึกฝนได้ไม่นานสินะ?”
ทุกคนในสำนักเทียนลู่ต่างพากันกระวนกระวาย ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อจี้จื่อเฉิงทำได้สำเร็จแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็มีกำลังสู้ จึงดีใจเป็นอย่างมาก แต่อีกฝั่งหนึ่ง ที่ฉู่หลิวเยว่ยังทำได้ไม่สำเร็จ ทำให้พวกเขารู้สึกกังวลเล็กน้อย
…
สำหรับชิงเฉินที่ยืนรออยู่ข้างสนามแล้ว รู้สึกว่าการรอคอยหนึ่งวินาทีนั้นยาวนานราวกับหนึ่งปี เห็นฉู่หลิวเยว่ทดลองยาอยู่ในที่ของตัวเอง ในใจของนางจึงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้นางโมโหมาก และรู้สึกเพียงว่าฉู่หลิวเยว่นั้นเป็นคนบังทางก้าวเป็นที่หนึ่งของนาง ด้วยความที่โมโหจึงตกลงให้ฉู่หลิวเยว่มาแข่งแทนตัวเอง แต่เมื่อจิตใจของนางค่อยๆ สงบลง นางก็เห็นว่าการทำแบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเองเลยสักนิด
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ยังคงอยู่ที่เดิมและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในที่สุดนางก็เดินเข้าไป
“ฉู่หลิวเยว่ ข้าคิดมานานแล้วและรู้สึกว่าให้เจ้าไปแข่งขันแทนข้านั้นไม่ค่อยจะเหมาะสักเท่าไร”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนและจริงใจสุดๆ ก่อนจะค่อยๆ ขมวดคิ้วและทำให้ดูแล้วน่าเห็นใจ
“ข้าเชื่อว่าก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ตั้งใจขัดขวางการทำยาของข้า ดังนั้นถ้าข้าถือโทษเจ้าต่อ ก็คงจะไม่ยุติธรรมต่อเจ้า เจ้าวางใจเถิด ถึงแม้เจ้าจะทำยาไม่สำเร็จข้าก็จะไม่ถือโทษเจ้า”
ตู้ม!
หม้อยาที่อยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ มีเปลวไฟปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน!
ในขณะเดียวกัน ก็มีแรงทรงพลังกระทบเข้ามาที่หม้อยา!
“ไม่นานหรอก! เดิมทีเวลาที่ใช้ในการแข่งขันของเหล่าแพทย์ก็ไม่ได้มีข้อกำหนดที่ตายตัว และถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็สามารถทำยาเม็ดออกมาได้สำเร็จแล้ว!”
พูดแล้วเขาก็เปิดกล่องหยกด้วยความสงสัยและตื่นเต้น จากนั้นก็มียาเม็ดหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า วินาทีแรกที่เห็นยาเม็ดนี้ ผู้อาวุโสเฟิงอี้ก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ!
“นี่…” เขารีบหยิบเม็ดยาขึ้นมาด้วยความอดใจไม่ไหว ก่อนจะดูอย่างละเอียด สักพักถึงจะเก็บความตื่นเต้นในใจไว้ได้
“นี่มัน…ซื่อผิ่น ระดับกลาง!”
“อะไรนะ!”
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยและผู้อาวุโสมั่วชังที่อยู่ข้างๆ ต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก คราแรกทั้งผู้อาวุโสทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจดู เมื่อได้ยินคำที่ท่านอาวุโสเฟิงอี้พูด ทั้งสองก็ส่งเสียงพร้อมกันทันที
“เฟิงอี้ เจ้าจงใจประเมินค่าสูงเพราะนางเป็นลูกศิษย์จากสำนักของเจ้ากระนั้นรึ?” ผู้อาวุโสมั่วชังเอ่ยปากถาม
ผู้อาวุโสเฟิงอี้โบกมือ “เจ้ามาดูเองเถิด แล้วเจ้าจะได้รู้!”
ชางโม่หยิบยาเม็ดนั้นมาด้วยความสงสัย จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที!
ผู้อาวุโสเฉิงลี่เสวี่ยเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงดึงมาดู และเห็นว่าบนยาเม็ดนั้น มีรอยแยกสี่รอยอยู่ แต่ที่สำคัญก็ถือ รอยแยกที่สี่นั้นเห็นได้ชัดกว่าของเหลิ่งชวนและจี้จื่อฉิงอย่างชัดเจน นี่เป็นซื่อผิ่นระดับกลางแน่นอน!
ผู้อาวุโสเฟิงอี้หัวเราะเสียงดัง
“ทีนี้ พวกเจ้ายังจะคัดค้านหรือไม่?”
ทั้งสองถึงกับเงียบ ผู้อาวุโสเฟิงอี้พูดเสียงดังฟังชัดด้วยแววตาที่เป็นประกายและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ฉู่หลิวเยว่ ยินดีด้วย ข้อสรุปสุดท้ายของยาเม็ดนี้คือซื่อผิ่นระดับกลาง!”
นี่เป็นยาเม็ดที่มีระดับสูงที่สุดในการแข่งขันวันนี้เป็นการชนะที่เป็นเอกฉันท์!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะพลางมองไปยังซือถูซิงเฉิน “องค์หญิงซือถู ยินดีด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...