อ๊าก!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง!
เมฆดำบนฟ้ารวมตัวกัน เสียงฟ้าร้องดังลั่น!
เมื่ออัจฉริยะแปลกประหลาดหรืออสูรร้ายระดับสูงปรากฏตัวขึ้น ต่างสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ความแปลกประหลาดขึ้น!
“ข้างล่างหอคอยจิ่วโยว มีอสูรร้ายตัวหนึ่งถูกขังอยู่?”
ฝูอวิ๋นซานเอ่ยปากด้วยท่าทาตกใจ
เฉิงหันสีหน้าหมองลง
“ตามตำนานบอกว่าข้างล่างหอคอยจิ่วโยวเป็นถ้ำเทียนหยวนฝู ถ้าที่แบบนี้มีอสูรร้ายซ่อนอยู่ ถ้าอย่างงั้น…อสูรตัวนั้นคงกลายเป็นอสูรที่ดุดันไปแล้ว!”
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยสักนิด
“อสูรดุร้ายดูแล้วไม่ธรรมดา นอกจากจะก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหมือนว่าจะกำจัดทั้งหอคอยจิ่วโยวไปแล้ว! เกรงว่าค่ายกลของพวกซุนจ้งเหยียนจะสามารถใช้ได้ไม่นานนัก…”
เฉิงหันบ่นพึมพำและมีอารมณ์หลากหลายเกิดขึ้น
อวิ๋นซานรีบเอ่ยปาก
“ถ้าอย่างงั้นเราต้องรีบเข้าไปช่วยแล้ว! ถ้าปล่อยให้อสูรดุร้ายนั้นออกมา เกรงว่า…”
“กลัวอันใด?”
จู่ๆ เฉิงหันก็พูดแทรกคำพูดของเขาขึ้นมา ก่อนจะยักคิ้วพลางทำสีหน้าประหม่า
“หอคอยจิ่วโยวนี้ ต่อให้เกิดอันใดขึ้นจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของเหล่าสำนักเทียนของพวกเขาเอง เกี่ยวอันใดกับคนนอกอย่างเรารึ? ค่ายกลนั้นถือเป็นตราประทับของหอคอยจิ่วโยว และนั่นก็หมายความว่าพวกเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้างล่างนั้นมีอสูรร้ายอยู่อีกอย่างก็ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เราออกตัวตอนนี้ไปแล้วได้อันใดล่ะ ไม่แน่อาจจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็ได้”
ฝูอวิ๋นซานมองไปยังเขา
“ความหมายของเจ้าก็คือ…”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอันใดทั้งนั้น สหายอวิ๋นซาน ถ้าเจ้าอยากจะช่วยก็ไปเถอะ แต่ข้าไม่อยากจะเข้าร่วมการคว้าน้ำเหลวครั้งนี้”
พูดแล้วเฉิงหันก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“สหายอวิ๋นซาน เชิญท่านเถิด!”
ฝูอวิ๋นซานชะงักไปด้วยความประหม่า
ที่จริงแล้วเขาก็แค่พูดไปแบบนั้น แต่เห็นท่าทางของเฉิงหันแล้ว ในใจของเขาก็มีความลังเลขึ้นเล็กน้อย
ไม่มีใครรู้ว่าข้างล่างนั้นคืออันใด อีกอย่างถ้าไปตอนนี้ต้องอันตรายมากแน่นอน
เขาไม่ได้คิดจะถวายชีวิตให้กับสำนักเทียนลู่แต่อย่างใด และสิ่งที่เฉิงหันพูดก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีเหตุผล
ถึงอย่างใดแล้ว ก็เป็นเรื่องของสำนักเทียนลู่ และไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา
รอดูลาดเลาก่อนคงจะดีกว่า
“ถ้าอย่างงั้น…ก็รอดูก่อนก็แล้วกัน ค่ายกลนั้นเป็นสิ่งที่ได้จัดวางไว้แล้ว ถ้ารีบร้อนเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น”
ฝูอวิ๋นซานกระแอมและคิดจะแอบดู
เฉิงหันยิ้มหยันในใจ
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินว่ามีคนกำลังพูดถึงสำนักเทียนลู่อยู่ บอกว่าฉู่หลิวเยว่ถูกขังอยู่ในหอคอยจิ่วโยว
นี่เป็นโอกาสจากสวรรค์ชัดๆ!
ถ้าสามารถฉวยโอกาสนี้จัดการฉู่หลิวเยว่ได้ ถ้าอย่างงั้นก็คงจะสามารถประหยัดแรงของพวกเขาได้มากเลยทีเดียว!
เขามองไปยังเปลวไฟสีดำที่ยังคงลุกลามอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเหลือมไปเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่น้อยจนแทบมองไม่เห็น
อัจฉริยะดีๆ คนหนึ่งกำลังจะแหลกสลายลงแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ…
…
ซุนจ้งเหยียนรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าถึงค่ายกลผนึกสวรรค์จะเปิดใช้ได้สำเร็จ แต่พลังของเขานั้นมีไม่มากพอ และไม่เพียงพอที่จะกดพลังของหอคอยจิ่วโยว
เปลวไฟนั้นไม่ได้มีท่าทีที่จะมอดลง กลับกันยังลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
พลังทั้งสองพุ่งเข้าด้วยกัน แล้วค่ายกลผนึกสวรรค์ก็ค่อยๆ ตกลงไปในหลุมอากาศแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ค่ายกลผนึกสวรรค์ตกแหลกสลายเร็วๆ นี้แน่นอน
ถึงเวลานั้น เกรงว่าจะไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไปแล้ว และทันใดนั้นซุนจ้งเหยียนก็รู้สึกว่ามีความผันผวนเกิดขึ้นบนค่ายกล หรงซิวขึ้นไปถึงชั้นที่สามแล้ว!
เขาอ้าปาก แต่กลับตกตะลึงจนพูดอันใดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างใดกันแน่ เช่นนี้จะมีใครได้รับบาดหรือไม่ แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้ก็คือเขาสามารถผ่านรั้วชั้นที่สองและชั้นที่สามไปได้แล้ว
เขาทำได้อย่างใด!
ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นที่อยู่อีกฝั่งเห็นสีหน้าไม่ดีของซุนจ้งเหยียนแล้ว ก็เหมือนว่าจะเดาอันใดสักอย่างออกในใจ
“หรงซิวจะขึ้นไปข้างบนอีกรึ?”
ซุนจ้งเหยียนพยักหน้าด้วยความลำบากใจ
ข้างหน้านั้นมีฉู่หลิวเยว่อยู่ จึงทำให้การกระทำเหล่านี้ของหรงซิวดูไม่ได้ทำให้คนรู้สึกตะลึงนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...