“หยุด!”
จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา!
ในขณะเดียวกัน ทุกคนเห็นเพียงแสงระยิบระยับสีเงินหล่นลงมา ปิดทับบนรอยแตกของค่ายกล!
ทันทีที่พลังทั้งสองมาสัมผัสกัน ก็รวมตัวเข้าด้วยกันทันที
จากนั้นบริเวณที่มืดไปเมื่อครู่นี้ก็สว่างขึ้นทันที
ค่ายกลที่สั่นไหวก่อนหน้านี้ก็มีพลังลำหนึ่งพุ่งเข้าไปและสงบลงทันที
ทุกคนพากันมองตาค้าง แต่กลับเห็นเงาสีเทากำลังเดินดุ่มๆ เข้ามาจากที่โล่ง!
ซุนจ้งเหยียนเห็นคนคนนั้นก็ตกใจจนตะโกนออกมา
“อาจารย์ลุง!”
ถ้าคนที่เดินมานั้นไม่ใช่หัวหน้าสำนักอย่างเยี่ยจือถิงแล้วจะเป็นใคร
บนตัวของเขายังคงสวมชุดขนแกะสีเทาอยู่ ในมือถือพัด และพลังบนตัวก็ไม่ได้มีความผันผวนใดๆ ดูแล้วเรียบง่ายเหมือนคนชราทั่วไป
แต่ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
เมื่ออาจารย์แล้วนักเรียนทุกคนเห็นเยี่ยจือถิงแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจตามๆ กัน
เฉิงหันและฝูอวิ๋นซานที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ไกลๆ ก็อึ้งไปทันที พวกเขาไม่คิดว่าเยี่ยจือถิงจะมาอย่างกะทันหันแบบนี้!
“มาได้ทันเวลาพอดีเชียว!”
เฉิงหันจ้องมองร่างนั้นตาเขม็งก่อนจะกัดฟันเอ่ยปาก
ฝูอวิ๋นซานอดที่จะตะโกนไม่ได้
“ไม่เจอมานานหลายปี ดูเหมือนพลังของผู้อาวุโสเยี่ยจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว…”
ในใจของเฉิงหันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นอีก
เขามองเหตุการณ์นี้ออก!
เดิมทียังอยากจะที่เมืองหลวงเพื่อเอาชนะเยี่ยจือถิงสักครั้ง แต่กลับต้องอับอายขายหน้าเสียก่อน
ถ้าเยี่ยจือถิงไม่ปรากฏตัว เขาก็คงจะเสียดายมากเหมือนกัน
ต่อมาเมื่อรู้ว่าเยี่ยจือถิงมีลูกศิษย์ เขาก็อยากจะให้ซือถูซิงเฉินเอาชนะลูกศิษย์ของอีกฝ่ายให้ได้
แต่ไม่นึกว่าลูกศิษย์ของเยี่ยจือถิงจะเป็นฉู่หลิยเยว่
อีกอย่างฉู่หลิวเยว่ยังคว้าที่หนึ่งในสมาคมเยาวชนไปถึงสองตำแหน่งอีกด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากที่สุดก็คือที่ซือถูซิงเฉินได้ที่หนึ่งด้านการแพทย์ อันที่จริงก็เป็นเพราะผลงานของฉู่หลิวเยว่
ต่อมาเขาก็รู้สึกคิดผิดที่ตอบรับปากข้อเสนอการให้ฉู่หลิวเยว่เข้าแข่งขันแทนซือถูซิงเฉิน
เดิมทีเขาก็รู้สึกร้อนท้องไปหมด ไม่คิดเลยว่าขณะที่กำลังจะออกจากเมืองหลวงจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงของหอคอยจิ่วโยว และเยี่ยจือถิงก็ออกมาอีกด้วย
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังของเยี่ยจือถิงนั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ในใจของเฉิงหันมั่นใจว่า ถ้าทั้งพวกเขาสองคนมารวมตัวกัน ก็ยังคงไม่เหมาะที่จะเป็นศัตรูของเยี่ยจือถิงอยู่ดี
“หอคอยจิ่วโยวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ข้าดูแล้วพวกเขาคงจัดการได้ยากแน่นอน”
เฉิงหันเอ่ยปากด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ฝูอวิ๋นซานรู้สึกลังเล
ด้านหนึ่งเขาก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายแบบนี้ มิอาจมีใครรู้ด้านล่างว่ามีพลังของหอคอยจิ่วโยวนั้นเป็นอย่างใดกันแน่?
อีกด้านหนึ่ง เขาก็ไม่อยากจะทำผิดต่อเยี่ยจือถิงแบบนั้น
ขณะที่เขากำลังยืดเยื้ออยู่ เยี่ยจือถิงก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในเศษระยิบระยับนั้นแล้ว
เมื่อเขาพัดพัดในมือของเขา ก็มีลำแสงของดวงดาวตกลงมา ก่อนจะวาดลำแสงเจิดจ้าอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ตกลงบนสากเงินที่อยู่กลางค่ายกลผนึกสวรรค์
สากเงินที่เดิมทียังสั่นไหวช้าๆ ก็หมุนเร็วขึ้นอีกครั้ง! นอกจากนั้นยังแผ่พลังอันแข็งแกร่งไปรอบๆ ด้วย
ค่ายกลผนึกสวรรค์ใหญ่ยักษ์กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
เงามืดที่ทำให้สัมผัสได้ถึงการข่มขู่ได้หยุดลง และจ้องไปยังเยี่ยจือถิงด้วยความหวาดระแวง
มันรู้ดีว่าเมื่อเยี่ยจือถิงมาถึงแล้วจะต้องนำพาอันตรายที่ยิ่งใหญ่มาให้มันแน่นอน
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน
ทันทีที่เยี่ยจือถิงเห็นมัน แววตาของคนชราที่ปกติแล้วจะพร่ามัว แต่ตอนนี้กลับชัดเจน และเต็มไปด้วยพลังกดดันอย่างหาอันใดมาเทียบไม่ได้!
“เดรัจฉาน!หยุดซะ!”
เสียงที่ดังกังวานดั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้น!
ลำแสงขัดกันบนค่ายกลผนึกสวรรค์!
เงาสีกำนั้นมีแววตาแดงและต้องการจะต่อสู้ผ่านไป
เยี่ยจือถิงที่เป็นหัวหน้าสำนักของสำนักเทียนลู่ก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของสากเงินนั้นเช่นกัน เมื่อเขาปรากฏตัวในตอนนั้น แน่นอนว่าพลังข่มขู่ของค่ายกลผนึกสวรรค์ก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่มีวันหยุดแน่นอน
“ไปซะ!”
เยี่ยจือถิงโบกพัดที่ถืออยู่ในมืออีกครั้ง!
ค่ายกลผนึกมากที่ยิ่งใหญ่เหมือนคลื่นทะเลก็กระทุ้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
อ๊าก…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...