ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 299

การข่มขู่ครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!

พลังการกลืนที่ทรงพลังออกมาจากหยดน้ำหยดนั้น!

ดูเหมือนว่าภาพหลอนที่อยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่จะมีอันตรายอยู่ ความตื่นตระหนกแวบเข้ามาในดวงตา และถอยกลับอย่างรวดเร็ว!

เปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาจากร่างกายของฉู่หลิวเยว่ ไล่ตามเงานั้น

ตูม!

เพียงพริบตาเดียว เปลวไฟสีดำและสีแดงก็ปะทะเข้ากันจนเกิดเสียงดังสนั่น!

เหมือนว่าเงาสีดำนั้นจะเจอเข้ากับสิ่งที่น่ากลัวอันใดบางอย่างจึงรีบหนี และกลับไปเข้าไปในหม้อยาใสใบนั้นทันที!

แต่เปลวไฟสีแดงก่ำนั้นกลับยังคงไล่ตามไปจนถึงขอบหม้อยา มันลุกโชนเผาไหม้ทันที!

จากนั้นก็มีเขม่าควันสีเทาขาวออกมา!

อ๊าก…

จู่ๆ เปลวไฟสีดำในหม้อยาใสก็พุ่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับว่ามันถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงอย่างใดอย่างนั้น

จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นออกมาจากข้างใน

เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นฉากนั้นก็นิ่งไปทันที

เปลวไฟสีแดงนั่น…ออกมาจากตัวของนางเอง!

เมื่อครู่นี้นางไม่ทันได้นึกถึงอันใดสักอย่าง จู่ๆ ก็มีหยดน้ำเคลื่อนไหวอยู่ตรงจุดตันเถียนของนาง จากนั้นก็ไล่ให้เปลวไฟสีดำนั้นกลับไปทันที!

ถ้าพูดตามจริงแล้ว เปลวไฟสีดำนั้นหนีอย่างหัวซุกหัวซุนเลยก็ว่าได้

ถึงฉู่หลิวเยว่ห่างจากหม้อยาใสใบนั้นระยะหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกลัวของสัตว์อสูรที่ดุร้ายตัวนั้น!

“หรือนี่จะเป็นวิญญาณของสัตว์อสูรอันใดสักอย่าง…”

ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำ

เมื่อครู่นี้นางเห็นอย่างชัดเจนว่าพิษที่เปลวไฟสีลุกโชนขึ้นนั้น ในนั้นกลับไม่มีเนื้อหนังของสัตว์อสูรเลยสักนิด

แต่ว่าสัตว์อสูรตัวนี้หน้าตาเป็นอย่างใด และสามารถอยู่ในนี้ด้วยสภาพที่เป็นวิญญาณแบบนี้ได้นานกว่าพันปีเชียวหรือ!

ความสงสัยในใจของฉู่หลิวเยว่มากขึ้นเรื่องๆ นางจ้องเหตุการณ์ที่อยูตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วทันที

ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงเลือดก็ได้กลายเป็นรั้วขนาดใหญ่ยักษ์ล้อมหม้อยาใสใบนั้นเอาไว้

เสียร้องโหยหวนนั้นกลับกลายเป็นเสียงที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ

ถวนจื่อที่อยู่อีกฝั่งสะบัดหางไปมา ราวกับกำลังเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เข้าปะทะกับสัตว์อสูรตัวนั้นด้วยตัวเอง

ฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าประหม่าอยู่ตรงนั้นอยู่นาน อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าเปลวไฟสีแดงนั้นจะมาอย่างกะทันหันมาก แต่นางก็รู้สึกได้ทั้งหมด

เช่น…ตอนนี้จึงดูเหมือนว่านางรู้สึกได้ถึงความกลัว และการถดถอยของอสูรตัวนั้น

เหมือนว่ามัน…อยากจะยอมแพ้?

ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจสัมผัสมันสักพัก ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมเปลวไฟสีแดงนี้ได้

เมื่อนางชูมือขึ้น เปลวไฟสีแดงก็บินกลับเข้ามาในฝ่ามือของนางทันที

เปลวไฟสีดำที่หยิ่งผยองในตอนแรกก็ได้ตกอับลงฮวบไปแล้ว

เมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แม้แต่ศัตรูของเปลวไฟที่อยู่ในมือของฉู่หลิวเยว่ด้วยซ้ำ

ฉู่หลิวเยว่อดหันไปเหลือบมองไม่ได้ และในฝ่ามือก็มีเพียงเปลวไฟเล็กๆ ที่ขยับอยู่เท่านั้น

ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตาใครก็นึกไม่ถึงว่าในเปลวไฟนี้จะซ่อนพลังที่แข็งถึงเพียงนั้นเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าเปลวไฟสีแดงนี้หลั่งไหลออกมาจากหยดน้ำหยดนั้น และสีของมันนี้ก็เหมือนกับตัวหนังสือที่เคยปรากฏอยู่บนนั้น

ฉู่หลิวเยว่พยายามกดความคิดที่โผล่ขึ้นมามากมายเอาไว้ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง

“ยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ?”

ชั้นที่ห้าของหอคอยจิ่วโยว

เปลวไฟสีดำนั้นลุกลามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ข้างในจนถึงข้างนอกก็เต็มไปด้วยไฟที่ลุกโชน

เมื่อมองไปแล้วเหมือนดั่งนรกไม่มีผิด

จากนั้นทั้งหอคอยก็เต็มไปด้วยทะเลไฟ และมีเพียงคนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปอย่างช้าๆ

เขาสวมชุดขาว รูปร่างสูงใหญ่ และเขาก้าวไปทุกย่างก้าวอย่างสบายๆ สงบและใจเย็น

แล้วท่ามกลามความมืดมิดก็มีสีขาวอยู่เพียงจุดเดียวเท่านั้นเองทุกครั้งที่เดินไปหนึ่งก้าว เปลวไฟที่อยู่ตรงหน้านางก็จะแบ่งออกเป็นสองฝั่งเพื่อแยกทางเดินให้กับนาง

เขาเดินเพียงลำพัง และสองสีที่เรียบง่ายก็เสริมกันและกันเป็นอย่างดี ราวกับภาพวาดภาพที่เป็นนิรันดร์ภาพหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์