มู่ชิงเห่อเห็นหอคอยจิ่วโยวที่กำลังถูกเผาไหม้ก็ขมวดคิ้วทันที
เมื่อเห็นปีศาจแดงพุ่งเข้าไปข้างใน ในใจของเขาก็รู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้
เพียงพริบตาเดียว ปีศาจแดงก็ทะลุผ่านเปลวไฟสีดำนั้นเข้าไปแล้ว แล้วร่างเล็กๆ นี้ก็เข้าไปในหอคอยจิ่วโยวทันที!
“นี่…”
ซุนจ้งเหยียนรั้งเอาไว้ไม่ทันจึงเห็นนกกระจอกสีฟ้าหายไปต่อหน้าต่อตาทันที
เขามองไปยังเยี่ยจือถิงด้วยสีหน้าสงสัย
แต่เยี่ยจือถิงกลับดูนิ่งสุดๆ
“นั่นคือสัตว์อสูรระดับเจ็ด ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน ถ้าไม่ดีก็ยังมี…เจ้าของมันอยู่”
ซุนจ้งเหยียนจึงวางใจ…ก็จริงเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่ามู่ชิงเห่อก็มาด้วย
เขามองไปยังมู่ชิงเห่อก่อนจะทำมือคำนับ
“รองแม่ทัพมู่!ท่านมาได้อย่างใด?”
มู่ชิงเห่อพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ก่อเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้ คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว”
อย่าว่าแต่เขาเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนมายังสำนักเทียนลู่ทากตั้งเท่าใดแล้ว
ซุนจ้งเหยียนรู้สึกประหม่าทันที
มู่ชิงเห่อจ้องมองหอคอยจิ่วโยวที่ถูกเผาไหม้เอาไว้พลางขมวดคิ้ว
“ไม่นึกเลยว่าชั้นล่างของหอคอยของพวกเขาจะซ่อนอสูรร้ายแบบนี้เอาไว้ด้วย”
ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยเล็กน้อยว่าสัตว์อสูรอะไรถึงสามารถทำร้ายปีศาจแดงได้
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เขาจึงเข้าใจบ้างแล้ว
ซุนจ้งเหยียนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างใดต่อ จึงลังเลสักพัก และยังคงเอ่ยปากด้วยความกังวล
“รองแม่ทัพมู่ ตอนนี้ที่แห่งนี้อันตรายมาก แต่เมื่อครู่นี้สัตว์อสูรของท่านได้บินเข้าไปข้างในแล้ว…”
ไม่เกิดอันใดขึ้นก็ดี แต่ถ้าหากว่าเกิดแค้นเขาเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมู่ชิงเห่อยังคงทำหน้าเฉยชาอยู่อย่างนั้น
“มันรู้ตัวเองดี”
ถึงแม้จะอันตราย แต่ก็คงไม่ถึงชีวิต
นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝนของปีศาจแดง เหตุใดถึงจะให้มันลองฝึกไม่ได้
มู่ชิงเห่อพูดขนาดนี้แล้ว ซุนจ้งเหยียนก็ไม่รู้จะพูดอันใดต่อ จึงกลับไปยืนข้างเยี่ยจือถิงที่กำลังเร่งการใช้ค่ายกลผนึกสวรรค์
แววตาของมู่ชิงเห่อค่อยๆ กวาดผ่านไปบนค่ายกลผนึกสวรรค์ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่สากเงินที่อยู่ตรงกลาง และรู้สึกมีความแปลกใจเกิดขึ้นทันที
นั่นมัน…
ดูเหมือนว่าสำนักเล็กๆ อย่างสำนักเทียนลู่จะซับซ้อนกว่าที่คิดเอาไว้มากเหมือนกัน
…
ปีศาจแดงทะลุผ่านเปลวไฟสีดำไปโดยไม่ได้บาดเจ็บอันใด
แต่หอคอยจิ่วโยวที่ปิดอยู่กลับทำให้มันใช้ต้องเวลานาน
ประตูข้างล่างถูกปิดเอาไว้อย่างหนาแน่น ส่วนหน้าต่างชั้นอื่นๆ ก็ปิดหมดแล้วเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่ามันจะหารอยร้าวของหอคอยจิ่วโยวที่ปล่อยเปลวไฟออกมาไม่หยุดเจอ แล้วบินเข้าไป!
ตึง!
ฉู่หลิวเยว่กำลังปะทะกับสัตว์อสูรร้ายตัวนั้นจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นด้านบนหัว
นางเริ่มเงยหน้ามองขึ้นไป จากนั้นก็เห็นเงาของนกกระจอกสีฟ้าที่คุ้นเคย!
นางค่อยๆ ลืมตาโตด้วยความตกใจ
“ปีศาจแดง เจ้ามาได้อย่างใด?”
พูดจบนางก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองดูสนิทสนมเกินไปจึงมองไปข้างหลังของปีศาจแดงด้วยความหวาดระแวง
โชคดีที่มู่ชิงเห่อไม่ได้มาด้วย
ปีศาจแดงรีบกระพือปีกบินเข้ามา ก่อนจะมองลงไปในหม้อยาใส และเปลวไฟสีดำที่ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างนั้นมันก็สัมผัสได้ถึงการข่มขู่ที่คุ้นเคย!
เจ้านี่เองที่ทำให้มันต้องบาดเจ็บ!
ปีศาจแดงลืมตาโตและกำลังจะพุ่งเข้าไปล้างแค้นทันที!
แต่ทันใดนั้น จู่ๆ มันก็ได้ยินเสียงของฉู่หลิวเยว่ดังขึ้น
มันเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงและเพิ่งจะเห็นว่าฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นี่
มันนิ่งชะงักไปสักพัก ก่อนจะรับหันกลับไปแล้วบินไปหาฉู่หลิวเยว่
แต่ยังไม่ทันได้บินไป ก็มีเงามีแดงบินผ่านแล้วรั้งทางผ่านของมันทันที
นั่นก็คือถวนจื่อนั่นเอง
ก็เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่ถวนจื่อจ้องปีศาจแดงด้วยแววตาเกลียดชังเพื่อบ่งบอกว่าไม่อยากให้มันเข้าใกล้ฉู่หลิวเยว่
ปีศาจแดงก็รู้สึกโมโหแล้วเปลวไฟบนตัวก็ลุกไหม้ขึ้นทันที สัตว์อสูรตัวเล็กทั้งสองกำลังจะปะทะกันอีกครั้ง ฉู่หลิวเยว่มองพวกมันด้วยความประหม่ารู้อยู่แล้วว่าถ้าพวกมันสองตัวมาเจอกัน ต้องไม่ถูกกันแน่นอน
มีที่ไหนกันที่เพิ่งเคยเจอหน้าก็ต่อสู้กันทันที?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...