เมื่อสิ้นเสียงลงบรรยากาศรอบๆ ก็เงียบสงัดทันที
แม้แต่ซุนจ้งเหยียนก็อดที่จะมองไปยังหรงซิวไม่ได้
เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ
สถานการณ์ตอนนั้น แม้แต่ท่านผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นก็ยังถูกกันเอาไว้ แต่หรงซิวกลับเข้าไปอย่างง่ายดาย และขึ้นไปยังชั้นที่หกได้อย่างราบรื่นด้วย!
ต้องเข้าใจว่าซุนจ้งเหยียนนั้นมากสุดก็มีพลังถึงแค่ระดับห้าเท่านั้น
จักรพรรดินีจ้องหรงซิวเอาไว้ และมีการคาดเดามากมายผลุดขึ้นมาในหัว
ตั้งแต่ที่หรงซิวกลับมา ก็อยู่สันโดษมาตลอด นอกจากรักษาอาการป่วยแล้วก็เหมือนว่าจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เท่าใดนัก ดูแล้วเหมือนคนที่ไม่มีความปรารถนา และมีความต้องสิ่งใดอยู่ อ่อนโยนและเงียบสงบ
แต่ในใจของนางกลับรู้สึกว่ามีอันใดที่ผิดปกติอยู่ตลอดเวลา
นางก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าเป็นปัญหาในจุดใด เพียงแต่ในใจรู้สึกตลอดเวลาว่า หรงซิวไม่ได้เป็นคนไม่มีพิษไม่มีภัยอย่างที่เห็น
ถ้าเขาเป็นคนที่ร่างกายป่วยอ่อนแอจริงๆ ถ้าอย่างงั้นเขาจะเข้าไปในหอคอยจิ่วโยวได้อย่างใด และเขายังสมารถขึ้นไปถึงชั้นที่หก!
สายตาไม่น้อยตกมาอยู่บนตัวของหรงซิว และสายตานั้นก็เต็มไปด้วยความระแวง
แววตาของหรงซิวนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ได้ส่งไปถึงหางตา
“ที่ข้าขึ้นไปถึงชั้นที่หกได้นั้นก็เพราะว่าท่านแม่ของข้าเคยขึ้นไปแล้ว”
จักรพรรดิจยาเหวินแสดงสีหน้าตกตะลึง
“เจ้าพูดอันใดออกมา!”
หรงซิวหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากอ้อมอก นั่นคือหยกรูปวงแหวนที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ
มันมีสีเขียวมรกตเหมือนใบที่เพิ่งแตกหน่อในต้นฤดูใบไม้ผลิ ดูใสสะอาด และบนหยกใบนั้นก็มีลวดลายแกะสลับอยู่บนนั้นด้วย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองไป เห็นว่าบนนั้นจะมีลวดลายดอกท้ออยู่บนนั้น?
เห็นได้ชัดว่านี่คือจี้หยกที่แกะสลักจากหยกเนื้อดี แต่นอกเหนือจากนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันใดเป็นพิเศษนัก
จากนั้น เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินเห็นหยกใบนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที
เขารีบเดินเข้าไป ดูเหมือนว่าอยากจะดูหยกใบนั้นให้ละเอียด แต่เพิ่งจะยื่นมือไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ก็หยุดชะงักทันที ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนั้นบนใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินมาก่อน มีทั้งความสับสน งุนงง กังวล และเสียดาย…
เมื่อเหลือบตามองไปก็เห็นจักรพรรดินีที่ยืนอยู่หลังจักรพรรดิจยาเหวินสีหน้าซีดเซียว เหมือนเห็นสิ่งของน่ากลัวอย่างใดอย่างนั้น
นางตกใจกลัวและคาดเดาได้ถึงที่มาของหยกใบนั้นแล้ว
“เจ้า…เจ้าได้หยกใบนี้มาจากไหน?”
จักรพรรดิจยาเหวินเอ่ยปากถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“ชั้นที่หก”
หรงซิวพูดเสียงเบา
“ขณะที่เห็นหอคอยจิ่วกำลังถล่มลงมา ลูกก็นึกขึ้นได้ว่าของสิ่งนี้ยังอยู่ในชั้นที่หกจึงรู้สึกกังวลมาก จึงขึ้นไปอย่างไม่กลัวว่าจะถูกรั้งไว้ ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังดีที่นำของสิ่งนี้กลับมาในสภาพที่สมบูรณ์แบบได้”
“นี่คือของสิ่งแรกที่เขาให้นางด้วยตัวเอง…ต่อมาหลังจากที่นางออกจากวังไปก็ได้นำไปด้วย ข้า…ข้าได้หาของสิ่งนี้มานานหลายปี นึกไม่ถึงว่า…”
จักรพรรดิจยาเหวินเหมือนถูกอันใดบางอย่างมาห้ามเอาไป และพูดอันใด
ไม่ออกทันที
ฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจทันที
นี่คือสิ่งของแทนใจของจักรพรรดิจยาเหวินและจักรพรรดินี ไม่แปลกที่ปฏิกิริยาของจักรพรรดิจยาเหวินจะรุนแรงแบบนั้น
เห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้ว เขาคงจะรักแม่ขององค์ชายเจ็ดอย่างมาก
ได้ยินว่าตอนนั้นแม่ขององค์ชายเจ็ดเป็นที่โปรดปราณของฝ่าบาทมาก แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทะเลาะอันใดกับฝ่าบาท จึงถูกไล่ออกจากวังและไปเป็นอาจารย์ในสำนักเทียนลู่แทน
จนถึงตอนที่นางตายไปก็ยังไม่เคยกลับมาที่วังเลยสักครั้ง
ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ถึงได้ไล่จักรพรรดินีออกจากวัง และเก็บสินสอดทุกอย่างกลับคืนด้วย ดูท่าทางแล้วเหมือนจะไม่ได้หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของจักรพรรดิจยาเหวินเลยสักนิด
ดูจากตอนนี้แล้ว ที่จักรพรรดิจยาเหวินดูเป็นห่วงหรงซิวแบบนั้นก็เพราะแม่ขององค์ชายเจ็ดเช่นกัน
หรงซิวเห็นท่าทางของจักรพรรดิหรงซิวแล้ว บนใบหน้ายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม
เพียงแต่เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นรอยยิ้มนี้ กลับรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น
เห็นได้ชัดว่าหรงซิวไม่ได้สนใจการตอบสนองของจักรพรรดิจยาเหวินเลยสักนิด
“ก่อนที่ท่านแม่จะเสียชีวิต ท่านได้บอกกับลูกว่า ท่านนำของสิ่งนี้ไปวางไว้ในชั้นที่หกของหอคอยจิ่วโยว แถมยังกำชับอีกว่า…ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ห้ามบอกเสด็จพ่อด้วย ได้โปรดเด็จพ่อทรงอภัยให้ข้าด้วย”
จักรพรรดิจยาเหวินนิ่งไป
“นางก็ยังคงโกรธข้าอยู่…แต่ถึงอย่างใด เจ้าก็เป็นลูกของนาง การที่ไม่บอกข้าก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว สุดท้ายแล้วของสิ่งนี้ก็อยู่ที่เจ้าแล้ว ถ้าอย่างงั้นต่อไปนี้เจ้าก็ดูแลมันให้ดีแล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...