จักรพรรดินีเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน แต่กลับเป็นคำพูดที่โพล่งออกมาจากปากของงูพิษที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อฉู่หลิวเยว่และหรงเซียวเท่าใดนัก
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ในสายตาของทุกคนนั้นหรงเซียวคงจะกลายเป็นคนที่หลงใหลผู้หญิงจนสามารถทำทุกอย่างให้ได้ แต่ฉู่หลิวเยว่ก็จะถูกเรียกว่าเป็น ‘นารีต้นเหตุ’
ถึงจักรพรรดิจยาเหวินรักหรงเซียวมาก แต่ก็ไม่สามารถนำเรื่องใหญ่ไปมอบหมายให้กับคนแบบนี้ได้ และคนในแวดวงศ์กษัตริย์คงไม่เห็นด้วยแน่นอน
ส่วนฉู่หลิวเยว่นั้น…ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตระกูลจักรพรรดิก็เห็นผู้หญิงแบบนี้เป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมดุร้ายเหมือนงู และแมงป่องที่ควรหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว
ทันทีที่เพิ่งจะสิ้นเสียงของนาง สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินก็นิ่ง
เมื่อครู่นี้สถาการณ์เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงไม่ทันได้นึกถึงเรื่องนี้
ตอนนี้พอจักรพรรดินีพูดขึ้น เขาจึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“หรงเซียว หลิวเยว่ ที่จักรพรรดินีพูดนั้นเป็นเรื่องจริง?” เขาสำรวจทั้งสองด้วยความสงสัย
เมื่อตั้งใจคิดดูแล้ว ทั้งสองคนนี้เดินออกมาพร้อมกัน หรงเซียวเข้าไปเพราะฉู่หลิวเยว่จริงๆ หรือ? เป็นเพราะสรรพคุณยาเม็ดของเยี่ยจือถิง ตอนนั้นสีหน้าของหรงเซียวดีขึ้นบ้างแล้ว
ปากซีดๆ ของเขาค่อยๆ ขยับ ก่อนจะมีรอยยิ้มจางๆ เผยออกมา
“เสด็จพ่อ เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกเข้าไปเพราะเหตุผลอื่น เพียงแต่ว่าระหว่างนั้นเจอกับฉู่หลิวเยว่เข้าพอดีจึงออกมาพร้อมกัน”
จักรพรรดินียิ้มหยัน แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกและพูดอย่างอ่อนโยน
“งั้นหรือ? งั้นก็แสดงว่าเป็นแค่การบังเอิญ? แต่เหตุใดบาดแผลบนตัวของหลีอ๋อง…ถึงสาหัสถึงเพียงนั้น? กลับกันนั้นแม่นางฉู่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอันใดเลย…ถ้าคนที่ไม่รู้ก็คงจะคิดว่าหลีอ๋องช่วยนางจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น”
พูดจบนางก็เหลือบมองไปยังจักรพรรดิจยาเหวินก่อนจะเอ่ยปากว่า
“โชคดีที่หลีอ๋องได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์เบื้องบน มิเช่นนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า…มิรู้ว่าฝ่าบาทจะเสียใจแค่ไหน ท่านคิดเหมือนกันหรือไม่หรือเพคะฝ่าบาท?”
จักรพรรดิจจยาเหวินเหลือบมองผ่านร่างของฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาที่กำลังตรวจสอบอย่างละเอียด สิ่งที่จักรพรรดินีพูดก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผล
ใครเห็นสถานการณ์ของคนสองคนนี้ก็คงจะรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
“จะว่าไป หลีอ๋องและแม่นางฉู่ก็เป็นพรหมลิขิตกันจริงๆ ในวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของหลีอ๋องก็ดูเหมือนว่าหลีอ๋องจะให้การดูแลกับแม่นางฉู่เป็นพิเศษด้วย”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้ว
ใช่แล้ว…เขาก็จำเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก แต่เมื่อนำกลับมาคิดในตอนนี้กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน
เสียงของจักรพรรดินีแผ่วเบาแล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
“ฝ่าบาทอย่าสนใจเลย น้องก็แค่พูดไปแบบนั้น หลีอ๋องไม่ได้อยู่ในวังหลวงมาหลายปีแล้ว และน่าจะไม่คุ้นเคยกับนางแม่ฉู่มาก่อน นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่ไร้เหตุผล นอกจากนี้ถ้าหลีอ๋องชอบแม่นางฉู่จริงๆ ก็เป็นเรื่องราวดีๆ เหมือนกัน”
แต่สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินกลับไม่ได้มีความดีใจเลยสักนิด
หรงเซียวยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน
“เสด็จพ่อ ที่จริงแล้ววันนี้ข้ายังต้องขอบใจแม่นางฉู่มากๆ ด้วย ถ้านางไม่เข้ามาช่วยข้าไว้ได้ทัน เกรงว่าลูกคงจะต้องตายอยู่ในหอคอยจิ่วโยวแล้วจริงๆ”
สีหน้าของุทกคนก็นิ่งไปทันที
จักรพรรดิจยาเหวินจึงอดที่จะไม่ถามไม่ได้
“เจ้าว่า…ฉู่หลิวเยว่ช่วยเจ้า?”
“ใช่แล้ว ตอนนั้น…แค่กๆ”
หรงเซียวกำฝ่ามือ รองปากเอาไว้ขณะไอ
“ตอนที่หอคอยจิ่วโยวเริ่มถล่มลงมา ลูกถูกขังไว้บนชั้นที่หก บาดแผลบนตัวก็เกิดขึ้นในตอนนั้นเช่นกัน ตอนนั้นชั้นที่หกถูกก้อนหินตกลงมา และบังเอาไว้แล้ว ไม่ว่าลูกจะหาวิธีอย่างใดก็ไม่สามารถออกไปได้ และทันใดนั้นก็เจอกับแม่นางฉู่พอดี…นางช่วยลูก และพาลูกออกมาโดยไม่สนอันตรายใดๆ ลูกถึงกลับมาเห็นท้องฟ้าเห็นแสงตะวันได้อีกครั้ง ถ้าไม่อย่างงั้น…”
หรงเซียวไม่ได้พูดต่อ แต่ในคำพูดนั้นกลับอธิบายความหมายอย่างชัดเจนแล้ว
ท่าทางของจักรพรรดิจยาเหวินก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
“ดูแบบนี้แล้ว เจ้าไม่ได้บาดเจ็บเพราะนาง แต่กลับกันนั้นเป็นเพราะนางช่วยเจ้าสินะ?”
หรงเซียวพยักหน้า
“เสด็จพ่อเข้าใจถูกแล้ว”
จักรพรรดิจยาเหวินโล่งใจ และสายตาที่มองไปยังฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว
“เป็นแบบนี้นี่เอง หลิวเยว่ ดูแล้วครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามาก หรงเซียวไม่ได้อยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าร่างกายของเขาจะกลับมาดีขึ้น จึงได้กลับมาอยู่ในวังหลวง ถ้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น…ข้าคงไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างใด…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...