ตอนนั้นเองมู่ชิงเห่อก็มองไปที่ฉู่หลิวเยว่เสียงของนางที่เอ่ยถามออกมาเย็นชาและไม่แยแสเช่นเคย
“เจ้ามีเรื่องอันใดก็พูดมา”
ปีศาจแดงเห็นแล้วก็ชะงักไป และฉวยโอกาสหนีไปซ่อนหลังหน้าต่างทันที
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองพลางถอนหายใจในใจ มองปีศาจแดงที่กระทำเช่นนั้น
ปีศาจแดงนั้นช่างกวนประสาทเหลือเกิน เพราะรู้ว่ามู่ชิงเห่อเกลียดการที่ผู้อื่นมาสัมผัสชาของเขามาก แต่มันก็กล้าที่จะทำเช่นนั้น
ช่างเก่งกาจจริงๆ ที่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้
น่าแปลกที่เดิมทีมู่ชิงเห่อมาจากครอบครัวพื้นเพต่ำต้อย เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาต้องขโมยขนมปังนึ่งจากขอทาน และไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลยสักวัน
ต่อมาเขาติดตามนางและเงื่อนไขชีวิตในทุกด้านก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่เขาไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เมื่อผ่านความยากจนไปจนถึงความเจริญรุ่งเรืองแล้ว เขาไม่ได้ตื่นเต้นและเพลิดเพลินกับชีวิตที่รุ่งโรจน์เหล่านั้น แต่เน้นไปที่การฝึกฝนและการต่อสู้แทน
ยกเว้นสิ่งเดียวที่เขาจะเพลิดเพลินและยอมที่จะดื่มด่ำก็คือ…ชา
แม้แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าเขาตกหลุมรักสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อใด
เขาไม่เพียงแต่ชอบดื่มชาเท่านั้น แต่ยังชอบชงชาอีกด้วย
ฉู่หลิวเยว่จำได้ว่าเขามีทักษะในการชงชาที่ดี และแม้แต่ปรมาจารย์ด้านชาในวังก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้
นางหยุดความคิดของนางก่อนจะมองไปที่มู่ชิงเห่อและบอกแผนการของนางสั้นๆ
“ครานี้ข้าหวังว่าท่านจะยินยอมให้ข้าไปที่สำนักไท่เหยียน ส่วนระยะเวลาที่จะให้ข้าอยู่ในสำนักไท่เหยียนนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะให้อยู่นานเท่าใด”
มู่ชิงเห่อหยิบถ้วยอีกใบขึ้นมา เทชาใส่ถ้วย และมองที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะแน่ใจนะว่าข้าจะไม่ออกจากที่นี่ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เจ้าถึงได้มีความกล้าที่จะยื่นคำร้องนี้ใช่หรือไม่”
รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าจะอยู่ที่นี่สักพัก ข้าไม่รู้ว่าท่านหมายความว่านานเท่าใด จึงรวบรวมความกล้ามาปรึกษาและถามท่าน เพราะสุดท้ายแล้ว… การได้ไปที่ห้องสมุดสำนักเพื่อร่ำเรียนวิชานั้นเป็นโอกาสที่หายากมากเช่นกัน ข้าไม่อยากพลาดโอกาสนั้นไป จึงอยากจะขอความเห็นใจจากรองแม่ทัพมู่อีกครั้ง”
มู่ชิงเห่อไม่ได้พูดอันใดซักพัก
เมื่อเขามาครั้งนี้ นอกจากจะมองหาอัจฉริยะที่ครอบครอชีพจรตี้จิงแล้ว เขายังมีเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่ต้องทำอีกด้วย
สามถึงห้าวันก็ยังไม่จบแน่นอน
ดูเหมือนว่าคำพูดของฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้มีความผิดปกติอันใด
เพียงแต่ว่า…
“ถ้าเจ้าอยากไปก็ไปได้ แต่มีหนึ่งคำถามที่เจ้าต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“รองแม่ทัพมู่ว่ามาเถิด”
มู่ชิงเห่อจ้องมองที่นาง
“ในวันนั้น ในหอคอยจิ่วโยว… เจ้าได้อันใดกลับมาบ้าง?”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นผิดจังหวะทันที
ทันใดนั้น นางก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย ทำท่าทางเหมือนกำลังประหลาดใจและสงสัย
“ที่ท่านว่านั้น…หมายความว่าอย่างไรหรือ”
มู่ชิงเห่อไม่เอ่ยอันใดต่อ เพียงแต่มองดูนางอย่างพิจารณา ราวกับจะเปิดโปงคำโกหกของนางให้ได้
ความสามารถและพลังข่มขู่บนร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนแววตาของเขาก็เย็นชามากเช่นกัน
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเกรงว่าจะไม่สามารถทนกับสายตาสงสัยที่มองมาแบบนี้ได้แน่นอน
แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นไม่เหมือนคนอื่น
นางพบกับมู่ชิงเห่อตอนที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และนางก็ได้เห็นสภาพที่น่าสังเวชและน่าสมเพชที่สุดของเขาแล้วเช่นกัน
แต่นางก็ยังให้โอกาสมู่ชิงเห่อให้ได้เป็นผู้ติดตามที่อายุน้อยที่สุดในราชวงศ์เทียนลิ่ง จนได้เห็นเขาในรูปแบบที่รุ่งโรจน์ที่สุด
ดังนั้น รูปลักษณ์นี้ของมู่ชิงเห่อจึงไม่มีผลกระทบอันใดต่อนาง
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
“รองแม่ทัพมู่ ข้าขอโทษด้วย ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องอันใด สถานการณ์ในวันนั้นวิกฤตมาก กว่าข้าและหลีอ๋องจะรอดมาได้นั้นไม่ง่ายเลยสักนิด อย่าว่าแต่เราจะเอาอันใดออกมาเลย พวกข้าแทยจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นเสียแล้ว จริงๆ แล้วท่านต้องการถามถึงเรื่องอันใดกันแน่?”
มู่ชิงเห่อมองไปที่แม่นางที่อยู่ข้างหน้าเขา
ฉลาด หลักแหลม อัจฉริยะ
การแสดงออกของนางจริงใจมากจนเขาเริ่มสงสัยว่าเขาเดาผิดไปหรือไม่
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากอย่างลังเล และเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...