ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 338

ปีศาจแดงออกมาจากที่หลบซ่อนพลางดีใจ

ฉู่หลิวเยว่เมื่อรับคำจากมู่ชิงเห่อแล้วก็ขอตัวกลับ ก่อนจะก้าวออกจากรั้วแล้วจากไป

ปีศาจแดงออกไปคอยเฝ้าดูเงาของนางที่ค่อยๆ หายไป จนกระทั่งแน่ใจว่านางไปไกลแล้ว ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างมีความสุข

ในที่สุดก็จะได้ของขวัญอีกแล้ว!

ปีศาจแดงกลับไปที่ลานบ้านอย่างมีความสุข มันเห็นมู่ชิงเห่อกำลังทำความสะอาดถ้วยน้ำชาที่แตกอยู่

ตอนนั้นมันยังรู้สึกว่าอารมณ์ดีอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดจะโต้เถียงกับมู่ชิงเห่อ แต่ก็อดที่จะบินไปรอบๆ มู่ชิงเห่อไม่ได้

มู่ชิงเห่อเงยหน้าขึ้นและมองดูมันอย่างเย็นชา

“ดูเหมือนว่านางจะเก่งเรื่องเอาใจเจ้ามากนะ”

ปีศาจแดงเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

มู่ชิงเห่อจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“แต่ต่อไปข้าจะไม่ช่วยนางเพราะเจ้าอีกแล้ว เจ้าสามารถทำเองได้แล้ว นอกจากนี้…ข้ารู้ว่าเจ้าคิดว่านางค่อนข้างคล้ายกับคนคนนั้นมาก ดังนั้นเจ้าจึงอยากใกล้ชิดกับนาง อย่างไรก็ตามข้าจะขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าคนในโลกนี้คาดเดาไม่ได้ ถ้านางรู้เรื่องนี้ นางต้องพยายามหลอกใช้เจ้าให้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน ถ้าถึงตอนนั้นแล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”

ถึงอย่างไรเขาเป็นนายของเจ้าปีศาจแดง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าปีศาจแดงกำลังคิดอะไรอยู่?

ตั้งแต่ครั้งแรกที่มันเจอฉู่หลิวเยว่จนถึงตอนนี้ ที่ปีศาจแดงสนิทสนมกับนางขนาดนี้ ก็เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น

เขาทนได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้ใครทำตามอำเภอใจได้!

ปีศาจแดงมองเขาตาปริบๆ

เหอะ พวกคนโง่

ถึงเวลานั้น คนที่เสียใจทีหลังจะเป็นใครก็ยังไม่มีใครรู้!

แม้ว่าเวลาสิบวันจะค่อนข้างสั้น แต่ก็ทำให้ฉู่หลิงเยว่ดีใจมาก

สิ่งที่ทำให้นางมีความสุขมากขึ้นก็คือเช้าวันรุ่งขึ้น มู่หงอวี่บอกกับฉู่หลิวเยว่ว่าแม่ของนางมาถึงที่เมืองหลวงของแคว้นแล้ว

ใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดไว้

ข่าวการมาถึงของพระชายาผิงเจียงในเมืองหลวงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และจักรพรรดิจยาเหวินก็ส่งคนมาทักทายนางเป็นพิเศษ

แต่เมื่อพิจารณาถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ของพระชายาผิงเจียง จึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงในวังให้นาง

มู่หงอวี่และฉู่หลิวเยว่จึงไปที่วังของพระชายาผิงเจียงที่เมืองหลวงด้วยกัน

“ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพ่อและแม่ของเจ้ามีที่ประทับพิเศษในวังของจักรพรรดิจยาเหวิน”

ฉู่หลิวเยว่ตามมู่หงอวี่เข้าไปในวังที่ได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

มู่หงอวี่ยิ้ม

“เพราะว่าท่านพ่อของข้าจะกลับมาที่เมืองหลวงทุกๆ สามปีเพื่ออยู่เป็นเวลาสองเดือน พระองค์จึงทรงอนุมัติบ้านให้พ่อของข้าเป็นพิเศษ และข้าก็มาที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก”

“ข้าไม่ได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อน หลังจากที่เจ้าสอบเข้าสำนักได้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่อาศัยอยู่ที่นี่ ทำไมเจ้าถึงไปอยู่ในสำนักแทนล่ะ”

มู่หงอวี่ทำหน้าตาแปลกประหลาด

“ใครจะอยากมาอยู่ที่นี่บ้าง คนเยอะ กฎเยอะ จะทำอันใดก็ไม่สะดวกเลย อยู่ที่สำนักดีกว่า!”

ฉู่หลิวเยว่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน

สำนักนั้นไม่เพียงแค่สะดวกสบายเท่านั้น แถมยังปลอดภัยอีกด้วย

สำหรับนิสัยของมู่หงอวี่นั้น ถ้านางอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับนางจริงๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในจนสุด

เมื่อพวกนางมาถึงสวนหลังบ้าน ชายชราผมขาวในชุดคลุมสีขาวก็ยืนรออยู่แล้ว

ทันทีที่เขาเห็นชายชรา มู่หงอวี่ก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความประหลาดใจ

“ท่านปู่หวู่ซาน! ท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”

รอยย่นบนใบหน้าของหวู่ซานบ่งบอกถึงการยกยิ้มประหนึ่งดอกไม้ผลิบาน ก่อนจะเอ่ยปากถามไถ่

“ไม่เจอกันนานเลยองค์หญิงน้อย ข้าคิดถึงแทบแย่! รีบบอกข้ามาเร็วว่าหลายเดือนมานี้องค์หญิงน้อยยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่หรือไม่?”

มู่หงอวี่อดที่จะเบ้ปากไม่ได้

“ท่านปู่หวู่ซาน เราไม่ได้เจอกันนานมาก ทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ทันทีที่เราพบกัน ข้าอายุสิบหกแล้วนะ! ข้าหยุดร้องไห้ตั้งนานแล้ว!”

ใบหน้าของหวู่ซานดูประหลาดใจ

“หือ? องค์หญิงน้อยได้กลายเป็นนักต่อสู้ระดับสี่แล้วรึ?”

มู่หงอวี่ย่นจมูกอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน!”

“องค์หญิงน้อยโตขึ้นมากจริงๆ และยังโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถ้าท่านอ๋องและพระชายารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะดีใจมากแน่นอน” หวู่ซานกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์