ฉู่หลิวเยว่เข้าไปได้เพียงชั่วโมงเศษ แต่กลับอ่านตำราได้ร้อยกว่าเล่มแล้ว!
แถมตำราที่ว่านั้นยังเป็นระดับซวนทั้งหมดด้วย!
“เจ้า เจ้าอยู่ที่นี่คอยดูนางไว้นะ ข้าจะไปตามผู้อาวุโสมั่วชัง!”
หนึ่งในนั้นพูดด้วยสีหน้าแตกตื่น พลันรีบวิ่งออกไป
ส่วนชายที่อยู่เฝ้าก็ตะโกนถามอย่างอดไม่ได้
“แล้วข้าต้องจดบันทึกต่อหรือไม่?”
รายชื่อตำราที่เขาจดไว้ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานั้น แทบจะเท่ากับยอดรวมการยืมของสองวันที่ผ่านมาอยู่แล้ว!
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า แม้วันปกติทางหอสมุดจะเปิดให้ศิษย์ในสำนักเข้าไปค้นคว้าหาความรู้ แต่จำนวนคนที่เข้าไปต่อวันนั้นมีไม่มากนัก ยิ่งคนที่สนใจอ่านตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวนขั้นกลาง และระดับซวนขั้นสูงยิ่งมีน้อย
ทว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่คนเดียว กลับอ่านตำราไปมากมายจนแทบหมดชั้นแล้ว!
ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากผู้อาวุโสเห็นรายชื่อตำราเหล่านี้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟยิ่งกว่าเดิม!
ชายที่วิ่งออกไปชะงักเท้าพลันตอบกลับอย่างหงุดหงิด
“ก็ต้องจดต่อไปสิ!”
หากฉู่หลิวเยว่ยังเปิดผนึกตำราต่อไป เกรงว่าไม่นานนางคงอ่านตำราไปแล้วกว่าครึ่งหอ
เรื่องแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะต้องแจ้งผู้อาวุโสมั่วชังเท่านั้น แต่ต้องแจ้งเจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ให้ทราบโดยเร็วที่สุด!
พวกเขานั้นทำได้เพียงจดจำว่าฉู่หลิวเยว่อ่านตำราไปแล้วกี่เล่ม!
เขาจินตนาการได้เลยว่า เจ้าสำนักและคนอื่นๆ จะโกรธเพียงใด เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้!
สิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้คือ ทำในสิ่งที่ผู้อาวุโสมั่วชังสั่งให้พวกเขาทำ และพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ให้ตัวเองถูกลงโทษให้มากที่สุด!
แต่…ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ
เขาเหลือบมองหอสมุดที่ดูเงียบสงบอย่างสิ้นหวัง
ทว่าภายใต้ความสงบนั่น เกรงว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นน่ะสิ!
เมื่อชายอีกคนวิ่งก้าวยาวๆ ออกไปแล้ว ชายที่ยืนเฝ้าอยู่ก็พึมพำกับตัวเองอีกสองสามประโยค พลันดึงสายตากลับมา ก่อนจะเห็นตัวอักษรปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาอีกครั้ง!
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องบันทึกลงในสมุดเล่มเล็กต่อไป และแอบบ่นในใจเงียบๆ คนเดียว
ตกลงฉู่หลิวเยว่เป็นมนุษย์ปกติเสมือนพวกเขาใช่หรือไม่
…
ผู้อาวุโสมั่วชังเพิ่งเสร็จงาน และกำลังจะนอนพักผ่อน แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกพุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสมั่วชัง! ผู้อาวุโสมั่วชัง! ท่าไม่ดีแล้วขอรับ!”
เมื่อเขาได้ยินเสียงโหวกเหวก ก็พลันขมวดคิ้วแล้วสาวเท้าออกไปด้านนอกทันที
“เกิดเรื่องอันใด?”
คนที่เพิ่งมาถึงหอบหายใจแฮก
“ผู้อาวุโสมั่วชัง ฉู่ ฉู่หลิวเยว่ นาง…”
สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล และไม่รู้จะอธิบายออกไปเช่นไร
ผู้อาวุโสมั่วชังหัวเราะเสียงเย็น
“ข้าว่าแล้ว! นางก่อเรื่องในหอสมุดใช่ไหม?”
ชายหนุ่มคนนั้นส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ! คือว่า…คือว่า…”
“พูดออกมาเสียที! ตกลงแล้วเกิดเหตุใดขึ้น?”
ผู้อาวุโสมั่วชังใจร้อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมบอก
“คือ…ข้าว่าท่านไปดูเอาเองเถิด!” ชายคนนั้นลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ
พอเห็นท่าทีเช่นนั้นผู้อาวุโสมั่วชังก็เริ่มไม่สบายใจ ความรู้สึกกังวลแปลกๆ ปรากฏขึ้นในใจอีกครา
ตอนนี้ในหอสมุดมีเพียงนางคนเดียว หากเกิดเรื่องอันใด ย่อมต้องโทษว่าเป็นความผิดของนาง
ทว่า…สาเหตุที่นางมาที่นี่ หากไม่เพื่อศึกษาตำราแล้ว นางยังจะคิดจะทำอะไรอีก?
แต่เขาก็ตัดสินใจไปดูด้วยตัวเอง เขายกเท้าขึ้นแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
…
ทั้งสองเดินทางกลับมายังหอสมุดเร็วมาก
เมื่อผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าหอสมุดยังคงสงบดี จึงค่อยโล่งออกขึ้นมาบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...