ผู้อาวุโสมั่วชังเดินออกไปนอกหอสมุด พลางหันมองผู้ดูแลสองคนที่อยู่ตรงประตูทางเข้า
“ช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ! นอกจากหนังสือในชั้นหนึ่ง ให้จดทะเบียนหนังสือที่ยืมมาจากชั้นอื่นทุกเล่ม! หากเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ให้รีบแจ้งข้าโดยเร็วที่สุด!”
ผู้ดูแลขานรับทันควัน
“รับทราบขอรับ!”
ผู้อาวุโสมั่วชังโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
ประตูใหญ่ถูกปิดสนิท ทุกอย่างยังคงเงียบสงบดี
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดจารุนแรง ทว่าที่นี่คือสำนักไท่เหยียน นางเป็นคนฉลาด ย่อมไม่หาเรื่องใส่ตัว
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลึกๆ แล้วเขายังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เขาไม่รู้ว่าความไม่สบายใจนี้ก่อเกิดขึ้นมาจากแห่งหนใด ทว่าดูเหมือนหัวใจของเขาจะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เขาขมวดคิ้วนิดๆ พลันนึกในใจว่าตนคงคิดมากเกินไป ก่อนจะปัดความกังวลเหล่านั้นทิ้งเสีย แล้วหมุนตัวจากไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาจากไป ผู้ดูแลทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงประตูก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกๆ พวกเขาหันขวับไปมองแผ่นศิลาสีเทาขาวที่วางไว้หน้าประตูหอสมุดทันที
ขณะเดียวกันตัวอักษรบางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลา!
“ฝีเท้าน้ำแข็ง ระดับซวน ขั้นกลาง!”
ไม่นานอักษรเหล่านั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกัน และในที่สุดก็กลายเป็นจุดดาวส่องแสงแวววาวอยู่บนแผ่นศิลา
“นี่มัน… เริ่มแล้วงั้นรึ?!” หนึ่งในนั้นถามด้วยความประหลาดใจ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เปิดตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวนขั้นกลางได้เชียวรึ! ไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เพิ่งขึ้นมาระดับสองหรอกหรือ นางจะไปเปิดตำราระดับนี้ได้อย่างไร” อีกคนรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“แต่… ความแข็งแกร่งของนางเทียบได้กับจอมยุทธระดับสี่เลยนะ ถ้าพูดตามหลักแล้ว นางน่าจะทำได้ใช่หรือไม่ ทว่า…ก็แค่นักระดับสี่ก็เท่านั้น การปลดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวนขั้นกลางนั้นต้องใช้เวลาอย่างมาก แต่นี่ผู้อาวุโสมั่วชังเพิ่งจากไปไม่ถึงสิบห้านาที ฉู่หลิวเยว่กลับปลดผนึกได้แล้ว เป็นไปไม่ได้แน่นอน หรืออาจมีผู้อื่นอยู่ด้านในหอสมุด”
“แต่ตามกฎแล้ว ในระหว่างที่นางอยู่ที่นี่ ศิษย์สำนักเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปหากไม่ใช่กรณีพิเศษตอนนี้ในหอสมุดมีแค่นางคนเดียวเท่านั้น!”
“…”
ทั้งคู่หันขวับสบตากัน พลันทำหน้าตกใจ
หากเป็นไปตามการคาดเดาของพวกเขา นั่นหมายความว่า…ฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเสียอีก!
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล! แม้นางจะเปิดตำราได้เร็วแค่ไหน แต่การเรียนก็กินเวลามากอยู่ดี เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ปกติแล้วคนที่อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน สามารถอ่านได้มากสุดก็ไม่เกินร้อยเล่ม และในหมู่พวกเขาก็มีเพียงไม่กี่คน ที่สามารถอ่านจนบรรลุและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงได้”
หนึ่งในนั้นหยิบสมุดเล่มเล็กที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา และจดรายชื่อที่ปรากฏบนแผ่นศิลาเมื่อครู่นี้ลงไป
ทว่าไม่ทันจะจดเสร็จ ชายอีกคนก็กรีดร้องออกมาเสียก่อน
เขาหันหน้าไปมองทันที
“อันใดของเจ้าเนี่ย”
ชายคนนั้นตกตะลึง และชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่แผ่นศิลา
“บะ บนนั้น…นางเปิดตำราเล่มที่สองแล้ว!”
“เจ้าว่าไงนะ!?”
ชายผู้รับผิดชอบด้านการจดบันทึกตวัดตามองดูอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามที่คาดไว้ มีตัวอักษรปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาอีกครั้ง!
“เปลวเพลิงสีชาต ระดับซวน ขั้นกลาง!”
เป็นตำราระดับซวน ขั้นกลางอีกแล้ว!
ชายหนุ่มสองคนชะงักตัวแข็งทื่อ
สำหรับพวกเขา เรื่องนี้มันฟังดูเกินจริงมากๆ จนทั้งสองไม่กล้ายอมรับว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่พักหนึ่ง
“ข้า ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นระดับซวนขั้นกลางอีก!”
ชายผู้รับผิดชอบด้านการจดบันทึกขยี้ตาตัวเอง พลันตัวอักษรเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นดาวดวงที่สอง ถัดจากดาวดวงแรก!
กล่าวคือ ตำราทั้งสองเล่มนี้อยู่ในระดับเดียวกัน และฉู่หลิวเยว่ก็ได้ปลดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวน ขั้นกลางแล้วตั้งสองเล่ม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...