ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 347

ผู้อาวุโสมั่วชังเดินออกไปนอกหอสมุด พลางหันมองผู้ดูแลสองคนที่อยู่ตรงประตูทางเข้า

“ช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ! นอกจากหนังสือในชั้นหนึ่ง ให้จดทะเบียนหนังสือที่ยืมมาจากชั้นอื่นทุกเล่ม! หากเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ให้รีบแจ้งข้าโดยเร็วที่สุด!”

ผู้ดูแลขานรับทันควัน

“รับทราบขอรับ!”

ผู้อาวุโสมั่วชังโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

ประตูใหญ่ถูกปิดสนิท ทุกอย่างยังคงเงียบสงบดี

แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดจารุนแรง ทว่าที่นี่คือสำนักไท่เหยียน นางเป็นคนฉลาด ย่อมไม่หาเรื่องใส่ตัว

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลึกๆ แล้วเขายังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

เขาไม่รู้ว่าความไม่สบายใจนี้ก่อเกิดขึ้นมาจากแห่งหนใด ทว่าดูเหมือนหัวใจของเขาจะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เขาขมวดคิ้วนิดๆ พลันนึกในใจว่าตนคงคิดมากเกินไป ก่อนจะปัดความกังวลเหล่านั้นทิ้งเสีย แล้วหมุนตัวจากไป

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาจากไป ผู้ดูแลทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงประตูก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกๆ พวกเขาหันขวับไปมองแผ่นศิลาสีเทาขาวที่วางไว้หน้าประตูหอสมุดทันที

ขณะเดียวกันตัวอักษรบางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลา!

“ฝีเท้าน้ำแข็ง ระดับซวน ขั้นกลาง!”

ไม่นานอักษรเหล่านั้นก็ค่อยๆ รวมตัวกัน และในที่สุดก็กลายเป็นจุดดาวส่องแสงแวววาวอยู่บนแผ่นศิลา

“นี่มัน… เริ่มแล้วงั้นรึ?!” หนึ่งในนั้นถามด้วยความประหลาดใจ

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เปิดตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวนขั้นกลางได้เชียวรึ! ไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เพิ่งขึ้นมาระดับสองหรอกหรือ นางจะไปเปิดตำราระดับนี้ได้อย่างไร” อีกคนรีบปฏิเสธเสียงแข็ง

“แต่… ความแข็งแกร่งของนางเทียบได้กับจอมยุทธระดับสี่เลยนะ ถ้าพูดตามหลักแล้ว นางน่าจะทำได้ใช่หรือไม่ ทว่า…ก็แค่นักระดับสี่ก็เท่านั้น การปลดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวนขั้นกลางนั้นต้องใช้เวลาอย่างมาก แต่นี่ผู้อาวุโสมั่วชังเพิ่งจากไปไม่ถึงสิบห้านาที ฉู่หลิวเยว่กลับปลดผนึกได้แล้ว เป็นไปไม่ได้แน่นอน หรืออาจมีผู้อื่นอยู่ด้านในหอสมุด”

“แต่ตามกฎแล้ว ในระหว่างที่นางอยู่ที่นี่ ศิษย์สำนักเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปหากไม่ใช่กรณีพิเศษตอนนี้ในหอสมุดมีแค่นางคนเดียวเท่านั้น!”

“…”

ทั้งคู่หันขวับสบตากัน พลันทำหน้าตกใจ

หากเป็นไปตามการคาดเดาของพวกเขา นั่นหมายความว่า…ฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเสียอีก!

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล! แม้นางจะเปิดตำราได้เร็วแค่ไหน แต่การเรียนก็กินเวลามากอยู่ดี เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ปกติแล้วคนที่อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน สามารถอ่านได้มากสุดก็ไม่เกินร้อยเล่ม และในหมู่พวกเขาก็มีเพียงไม่กี่คน ที่สามารถอ่านจนบรรลุและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงได้”

หนึ่งในนั้นหยิบสมุดเล่มเล็กที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา และจดรายชื่อที่ปรากฏบนแผ่นศิลาเมื่อครู่นี้ลงไป

ทว่าไม่ทันจะจดเสร็จ ชายอีกคนก็กรีดร้องออกมาเสียก่อน

เขาหันหน้าไปมองทันที

“อันใดของเจ้าเนี่ย”

ชายคนนั้นตกตะลึง และชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่แผ่นศิลา

“บะ บนนั้น…นางเปิดตำราเล่มที่สองแล้ว!”

“เจ้าว่าไงนะ!?”

ชายผู้รับผิดชอบด้านการจดบันทึกตวัดตามองดูอย่างรวดเร็ว และเป็นไปตามที่คาดไว้ มีตัวอักษรปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาอีกครั้ง!

“เปลวเพลิงสีชาต ระดับซวน ขั้นกลาง!”

เป็นตำราระดับซวน ขั้นกลางอีกแล้ว!

ชายหนุ่มสองคนชะงักตัวแข็งทื่อ

สำหรับพวกเขา เรื่องนี้มันฟังดูเกินจริงมากๆ จนทั้งสองไม่กล้ายอมรับว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่พักหนึ่ง

“ข้า ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ อีกทั้งยังเป็นระดับซวนขั้นกลางอีก!”

ชายผู้รับผิดชอบด้านการจดบันทึกขยี้ตาตัวเอง พลันตัวอักษรเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นดาวดวงที่สอง ถัดจากดาวดวงแรก!

กล่าวคือ ตำราทั้งสองเล่มนี้อยู่ในระดับเดียวกัน และฉู่หลิวเยว่ก็ได้ปลดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับซวน ขั้นกลางแล้วตั้งสองเล่ม!

ก่อนจะดึงสายตากลับมาแล้วมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหนื่อยใจ

สาเหตุที่นางมาที่นี่ครานี้ เป็นเพราะอยากจะหาหนังสือดีๆ สักเล่มไว้อ่าน และเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ใหม่ๆ

เนื่องจากศิลปะการต่อสู้นั้นลึกซึ้ง และแตกต่างจากใบสั่งยาสำหรับทำโอสถ อีกทั้งศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ล้วนเป็นสิ่งที่สืบทอดกันภายในนิกายหรือลัทธิเท่านั้น

ซึ่งโดยปกติแล้ว ท่วงท่าศิลปะการต่อสู้ที่จอมยุทธแสดงออกมา จะสามารถบ่งบอกที่มาที่ไปของพวกมันได้

นางเองก็เป็นเช่นนั้น

มีศิลปะการต่อสู้ระดับสูงมากมายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจของนาง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของ “นาง” ในชาติก่อน

หากแสดงมันออกมา ต้องถูกผู้คนเข้าใจผิดแน่นอน

ดังนั้น แม้ว่านางจะวางแผนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ต่อไปอย่างลับๆ แต่นางก็ต้องเลือกหาสิ่งใหม่ไว้ด้วย

ถึงจะยิ่งอ่านยิ่งเสียอารมณ์ แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาและโอกาสไปอย่างเปล่าประโยชน์ นางจึงต้องทนอ่านหนังสือเหล่านี้ต่อไปให้หมด

เวลาผ่านไป แต่นางไม่เคยลืมมัน ถึงจะพลิกดูอย่างรวดเร็ว แต่นางก็จำมันได้ขึ้นใจ

นอกจากนี้ เนื่องจากนางเองก็เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับสูงมาก่อน จึงสามารถเข้าใจศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว

ฉู่หลิวเยว่เดินไปตามชั้นหนังสือ แล้วหยิบมาเปิดอ่านผ่านๆ ทีละเล่ม ราวกับเปิดแล้วโยนหนังสือใส่ไว้ในหัวอย่างใดอย่างนั้น

หนึ่งเล่ม

สองเล่ม

สามเล่ม

“เหตุใด นางถึงยังอ่านต่อได้อีก?!”

ผู้คุมทั้งสองที่อยู่ด้านนอกห้องสมุดมองแสงของกลุ่มดาวขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ สว่างวาบขึ้นเรื่อยๆ บนแผ่นศิลาสีเทาขาว พลันทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์