สำนักไท่เหยียน
ฉู่หลิวเยว่แหงนหน้าขึ้น และมองหอสมุดสูงห้าชั้นตรงหน้า
ตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่หลายตัวบนแผ่นโลหะ ส่องประกายสะท้อนกับแสงแดด
“ที่นี่คือหอสมุด”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่คือผู้อาวุโสมั่วชัง
เขาเองก็ไม่ชอบฉู่หลิวเยว่ แต่เพราะเฉิงหันไม่ต้องการเจอนาง สุดท้ายจึงส่งเขามารับหน้าแทน
เมื่อเห็นคนทั้งสอง ชายหนุ่มสองคนในชุดเครื่องแบบสำนักวิชาที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็หันมาโค้งคำนับให้พวกเขาทันที
“คารวะ ท่านผู้อาวุโสมั่วชัง”
ผู้อาวุโสมั่วชังพยักหน้าตอบเล็กน้อย พลันเสมองฉู่หลิวเยว่ พร้อมเอ่ยทักด้วยท่าทีเย็นชา
“ในภายภาคหน้า เจ้าสามารถยืมหนังสือที่นี่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ เข้ามากับข้าสิ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจทัศนคติของเขา และเดินตรงเข้าไปด้านในราวไม่ใส่ใจคนเชิญ
ทันทีที่เข้าไปด้านใน ฉู่หลิวเยว่ก็กวาดตามองรอบผนังที่แออัดไปด้วยหนังสือและตำราร้อยพันแขนง
แม้แต่ชั้นวางของที่อยู่ตรงกลางก็เต็มไปด้วยหนังสือ
ร่างบางหันไปมองอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสมั่วชังหยุดฝีเท้าแล้วหันมองนางแวบหนึ่ง ทว่ากลับไม่เห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจของนาง อย่างที่เขาอุส่าห์คาดการณ์ไว้ว่าอีกฝ่ายต้องแสดงการออกมาแน่ๆ
เขาทำทีกระแอมไอพลางเอ่ยย้ำ
“ตรงนี่คือชั้นหนึ่ง และมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อยู่หลายหมื่นเล่ม”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าตอบนิ่งๆ
พอเห็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสมั่วชังก็ยิ่งหงุดหงิดใจ
หอสมุดของพวกเราชาวสำนักไท่เหยียนได้ชื่อว่าเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ การที่สามัญชนธรรมดาจะมีโอกาสได้ถือครองหนังสือศิลปะการต่อสู้สักเล่มสองเล่มนั้นถือว่ายากมาก และแม้ว่าจะเป็นตระกูลขุนนาง ก็ยังถือครองได้เพียงร้อยสองร้อยเล่มเท่านั้น
แต่ในหอสมุดของพวกเขานั้นมีหนังสือนับหมื่นเล่ม!
ฉู่หลิวเยว่ยืนฟังจนจบก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดใดออกมาอยู่ดี!
ผู้อาวุโสมั่วชังรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก จะแอบเย้ยหยันกับตัวเองก็ทำไม่ได้
แต่นางจะวางท่าได้นานสักแค่ไหนกันเชียว!
“ข้าได้ยินมาว่าที่สำนักเทียนลู่มีหนังสือมากมาย แม้ว่ามันจะไม่ดีเท่าของเรา แต่ก็ดูเหมือนจะมีหนังสือตั้งหลายพันเล่มเลยมิใช่รึ?”
เขาแกล้งพลั้งปากถาม
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอีกครั้ง
“ใช่ แต่ที่นี่มีหนังสือหลายเล่มที่สำนักเทียนลู่ของเราไม่มี”
ผู้อาวุโสมั่วชังยิ้มเยาะอย่างพอใจ เขาเตรียมเอ่ยเยินยอสำนักตัวเองต่อ แต่ฉู่หลิวเยว่ดันเอ่ยแทรกเสียก่อน
“ท่านอาจารย์เคยพูดไว้ว่า แม้สำนักวิชาจะมีขนาดใหญ่โต แต่ก็ควรเว้นพื้นที่ว่างไว้บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นกองทิ้งขยะ”
ผู้อาวุโสมั่วชังจุกจนแทบกระอักเลือด
กองขยะงั้นรึ
แม่นางฉู่หลิวเยว่นี่ รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดออกมา
“เจ้า เจ้าเรียกที่นี่ว่ากองขยะงั้นหรือ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ
“ท่านอย่าเข้าใจผิดสิ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่จะบอกว่า ส่วนหนึ่งของที่นี่เท่านั้นที่เป็นเช่นนั้น”
“นี่เจ้า!”
ผู้อาวุโสมั่วชังพยายามระงับความโทสะในใจ และตะโกนพูดด้วยเสียงที่ลึกล้ำ
“ฉู่หลิวเยว่! รักษามารยาทด้วย หากเจ้าอาจหาญพูดจาดูหมิ่นอีกครั้ง แม้เจ้าจะได้ที่หนึ่งในงานสมาคมเยาวชน แต่เราก็ไล่เจ้าออกจากตำแหน่งได้!”
ฉู่หลิวเยว่จ้องเขาด้วยสายตาจริงจัง
“ท่านผู้อาวุโสมั่วชัง ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคารพสำนักวิชาของท่าน แต่เพราะ… หนังสือหลายเล่มที่นี่ไม่คุ้มค่าต่อการสะสมจริงๆ”
พูดจบนางก็เดินไปยังกำแพงด้านหนึ่ง แล้วหยิบหนังสือออกมา
“วิชาหมัดหู่หลาง สำหรับจอมยุทธระดับหวง ขั้นกลาง”
“ศิลปะการต่อสู้ของจอมยุทธถูกแบ่งออกเป็น เทียน ตี้ ซวน และหวง สี่ระดับ โดยแต่ละระดับจะแบ่งออกเป็นสามขั้น นั่นคือ ขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง ระดับฮวงเป็นระดับต่ำสุด และถ้าเป็นขั้นกลางอีกก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย โดยทั่วไปแล้ว ศิลปะการต่อสู้ระดับนี้ มีไว้สำหรับจอมยุทธระดับสองมิใช่รึ?”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่เหยียดโค้งขึ้น
“แต่สำนักของเรา รับเฉพาะจอมยุทธระดับสามขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่มีหนังสือประเภทนี้อยู่ในสำนักของเราเลยสักเล่ม”
ผู้อาวุโสมั่วชังสำลักน้ำลายจนพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...