“แต่เหมือนฉู่หลิวเยว่จะอยู่ที่ชั้นสองตลอดเลยนะ…นางเป็นผู้ฝึกตนระดับซวน อีกทั้งยังปรุงโอสถขั้นเทพ เหตุใดจึงไม่ขึ้นไปชั้นสามชั้นสี่กันล่ะ?”
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้อาวุโสมั่วชังเลิกสนใจสีหน้าของเฉิงหัน พร้อมบ่นงุบงิบเบาๆ
ทว่าประโยคนี้ทำให้เฉิงหันกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
ใช่แล้ว!
ถ้านางค้นหาตำราไปเรื่อยเปื่อยจริงๆ เหตุใดนางจึงปักหลังอยู่ที่ชั้นสอง แต่ไม่ไปหาดูที่ชั้นอื่น?
และแม้ว่าจะหาตำราระดับตี้ได้แล้ว แต่นางก็ยังค้นหาตำราเล่มอื่นมาอ่านต่อไม่หยุด!
นางตั้งใจหาอันใดอยู่กันแน่!
ยิ่งคิดเฉิงหันก็ยิ่งวิตกกังวล
ทว่าตอนนี้เขาไม่สามารถพุ่งตัวเข้าไปห้ามฉู่หลิวเยว่ได้!
ตัวอักษรบนแผ่นศิลายังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่ยังคงพลิกอ่านหนังสือบนชั้นสองด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา
ผ่านไปหนึ่งเล่ม
ผ่านไปสองเล่ม
ผ่านไปสามเล่ม
เมื่อเห็นเฉิงหันยืนนิ่งไม่ขยับ คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าขยับตาม และทำได้เพียงรอเงียบๆ เท่านั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดผู้อาวุโสมั่วชังก็เอ่ยออกมา
“…ท่านจ้าวสำนัก ฉู่หลิวเยว่คงใช้เวลาอยู่ในนั้นอีกพักหนึ่ง ท่าน…คงไม่ได้วางแผนจะรออยู่ที่นี่จนนางออกมาใช่หรือไม่ขอรับ”
เฉิงหันรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
เขารู้แก่ใจดี! แต่นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้!
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉู่หลิวเยว่จะหานภาปลายนิ้วเจอ อีกทั้งยังเปิดผนึกมันได้อีก!
ทว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงผิดวิสัยไปหน่อย และอาจจะดึงดูดสายตาใคร่รู้ของใครต่อใครเพิ่มขึ้นก็ได้
“พวกเจ้าจงรอบคอบให้มาก! ตำราทั้งหมดที่ฉู่หลิวเยว่เปิดอ่าน จะต้องได้รับการจดบันทึกอย่างสมบูรณ์!”
พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อดังพรึบ แล้วหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสมั่วชังรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของเฉิงหันที่ดูแปลกไป และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหอสมุดอีกครั้ง
ความจริงแล้ว จ้าวสำนักกังวลเรื่องอันใดอยู่กัน?
…
เมื่อเฉิงหันและผู้อาวุโสมั่วชังกลับไปแล้ว ก็เหลือเพียงสองชายชาตรีที่ยืนเฝ้าหอสมุดอยู่
ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงจุดนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าหละหลวมต่อหน้าที่ และจำต้องดำเนินการต่อด้วยสภาพจิตใจที่ตึงเครียด
แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานดวงจันทร์กลมสวยก็ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
ทว่าไฟจากชั้นสองยังคงส่องสว่างเจิดจ้า
หนึ่งในคนเฝ้ายามหาว และบ่นพึมพำอย่างอดไม่ได้
“…นี่ฉู่หลิวเยว่จะอ่านถึงยามใดกัน นี่ก็ดึกดื่นมากแล้ว เหตุใดนางจึงยังไม่นอนอีก?!”
ชายอีกคนหาวตามหวอดๆ อย่างเอื่อยเฉื่อยราวโรคติดต่อ
“การที่สามารถเข้าไปในหอสมุดและยืมอ่านตำราได้อย่างอิสระ ใครมันจะยอมพลาดโอกาสนี้กัน? หากเป็นเจ้า เจ้าจะยอมทิ้งโอกาสแล้วหลับในที่แบบนั้นรึ? นอกจากนี้ นางเพิ่งหาตำราระดับตี้เจอ คงตื่นเต้นมากเป็นแน่! เพราะหากข้าพบตำราระดับตี้ ข้าก็คงถ่างตาอ่าน ไม่หลับไม่นอนเช่นกัน!”
“ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ปกติแล้วทุกคนต้องนอนพักผ่อนมิใช่รึ? นางไม่เหนื่อย แต่ข้าที่จดจนมือหยิกมาทั้งวัน เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด!”
ทั้งสองคนจับตามองอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง หลังจากเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่มีท่าทางจะหยุดอ่าน พวกเขาจึงหารือแลทำการสลับกะกันเฝ้าเวร และจดบันทึก
…
“ไม่ใช่…ไม่ใช่เล่มนี้…นี่ก็ไม่ใช่…”
ฉู่หลิวเยว่อ่านตำราหนึ่งเล่มแบบรวดเดียวจบด้วยความว่องไว ทว่าไม่พบสิ่งที่ตามหา
ตั้งแต่ค้นเจอนิภาปลายนิ้ว นางก็ได้เร่งความเร็วในการอ่านมากขึ้น จนถึงตอนนี้ นางอ่านตำราได้ถึงหนึ่งในห้าของตำราทั้งหมดบนชั้นสองแล้ว
แต่ก็ยังหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนิภาปลายนิ้วไม่ได้
ท่ามกลางกองตำราศิลปะการต่อสู้นับหมื่น ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
ร่างบางถอนหายใจอีกครา
หรือทั้งหอสมุดจะมีตำรานิภาปลายนิ้วอยู่เพียงเล่มเดียวจริงๆ
สุดท้ายแล้ว หากสำนักไท่เหยียนมีนิภาปลายนิ้วฉบับสมบูรณ์จริงๆ มันคงสร้างความแตกตื่นต่อมวลมนุษย์ชาติไปนานแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เตรียมก้าวไปข้างหน้าต่อ ทว่าจู่ๆ ถวนจื่อก็โพล่งพรวดออกมาตรงหน้านาง ดวงตากลมโตของมันฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
นางชะงักไปเล็กน้อย
“มีอันใดรึ ถวนจื่อ?”
สองเท้าของมันประกบทับซ้อนกัน และวางรองไว้ใต้ศีรษะ
ท่าทางน่าเอ็นดูนั่น ทำเอาฉู่หลิวเยว่หลุดหัวเราะออกมา
“เจ้าอยากให้ข้านอนพักผ่อนงั้นรึ?”
ถวนจื่อพยักหน้าตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...