ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วและนางยิ้มมุมปากเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มยียวน
สำนักเทียนลู่เป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเย่าเฉิน ดังนั้นจึงเป็นที่เคารพ แม้แต่ในเมืองหลวง ก็ยังคงครอบครองพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่
ประตูใหญ่ที่สร้างด้วยไพฑูรย์นั้นเรียบง่ายสง่างามและด้านหน้าประตูมีแผ่นป้ายหินประกายสีดำ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนดาบยาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้าและแทงลงดินทันที!
บนนั้นมีอักขระสีทองสี่ตัวจารึกไว้ว่า “สำนักเทียนลู่”
แค่นี้ก็ถือเป็นสิ่งล้ำค่าอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงสิ่งของในสำนัก
ด้านหน้าประตูมีจัตุรัสกว้างที่ทำด้วยหยกขาว
นั่นคือที่ตั้งของสำนักเทียนลู่และเป็นสถานที่ที่พวกเขารับสมัครนักเรียนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ได้มาเข้าร่วมสอบ แต่จัตุรัสนี้กลับว่างเปล่า
มีเพียงชายวัยกลางคนคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับโต๊ะตัวเล็กอีกหนึ่งตัว
มีกล่องไม้สีดำสามกล่องวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมายถึงการสอบในสามสาขา
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้โอกาสสอบอย่างเป็นทางการที่จัตุรัสนี้กับฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่แรก
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับและถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ขออภัยผู้อาวุโส ข้าขอละลาบละล้วงถาม ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร”
เดิมทีชายคนนั้นก็ไม่พอใจฉู่หลิวเยว่มากอยู่แล้ว คนไร้ความสามารถคนหนึ่งดื้อด้านจะสอบเข้าสำนักเทียนลู่ของพวกเขา ฝันกลางวันอยู่หรือไร
ฝ่าบาทเอ่ยปากขอร้อง พวกเขามิอาจปฏิเสธได้ แต่ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องเสียแรงเปล่าเท่านั้น
ความจริงวันนี้เขามีบางสิ่งสำคัญที่ต้องทำ แต่เขากลับถูกส่งไปคุมสอบฉู่หลิวเยว่กะทันหัน เขาหงุดหงิด แน่นอนว่าต้องมีการชักสีหน้าใส่ฉู่หลิวเยว่กันบ้าง แม้แต่สิ่งที่เขาต้องเตรียมในการสอบเขายังเตรียมมาแค่ลวกๆ เท่านั้น
ยิ่งเห็นท่าทางอ่อนน้อมของฉู่หลิวเยว่ เขากลับยิ่งยิ้มเย็นชาในใจ
หากไม่มีความสามารถ อย่างอื่นก็เปล่าประโยชน์! ต่อให้เลียแข้งเลียขาเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“ไป๋เชิน!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มให้เขา แล้วชี้นิ้วไปที่จัตุรัสกว้างที่อยู่ไม่ไกล
“ผู้อาวุโส หลิวเยว่ได้ยินมาว่า การทดสอบของสำนักเทียนลู่ล้วนต้องสอบที่จัตุรัสนี้ แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เปิดง..ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านสะดวกหรือไม่”
ไป๋เชินทำเป็นเหมือนได้ยินเรื่องตลก แล้วมองนางด้วยสายตาประชดประชัน
“เจ้าน่าจะรู้ว่าผู้สอบคนอื่นๆ ที่สอบที่จัตุรัสแห่งนี้ได้ เพราะตอนที่พวกเขาสอบจะมีการต่อสู้ที่หลากหลาย! แล้วก่อให้เกิดความผันผวน จากนั้นทุกคนจะสงบลงด้วยการก่อตัวรูปขบวนเชิงยุทธวิธีบนจัตุรัส! แล้วเจ้า…จะทำเป็นหรือ”
เมื่อคนแถวนั้นได้ยินก็พากันหัวเราะเยาะ
“นั่นสิ นางจะทำเป็นหรือเปล่า ฮ่าๆๆ!”
“สำนักเทียนลู่เป็นถึงสำนักอันดับหนึ่ง ส่วนเจ้าที่แม้กระทั่งชีพจรยังพิการ จะสามารถสอบเข้าได้หรือ นี่มันน่าอับอายขายขี้หน้าชะมัด!”
“ไม่เห็นหรือว่าไม่มีใครสนใจนางเลย ที่ให้โอกาสนางก็เพราะเห็นแก่หน้าฝ่าบาทเท่านั้น…ต่อไป เมืองหลวงก็คงมีตัวตลกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ฮ่าๆ!”
ฉู่หลิวเยว่ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินวาจาเหยียดหยามเหล่านี้ และสีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
นางมองไปที่ไป๋เชิน แล้วถามต่ออย่างไม่ลดละ
“ถ้าอย่างนั้น…ต้องทำอย่างไรท่านถึงจะเปิดสนามสอบนี่ได้”
ไป๋เชินกวาดสายตามองสำรวจนาง แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพลังใดๆ ในร่างกายนางเลยแม้แต่น้อย เขาจึงอดสบถออกมาไม่ได้
“แค่เจ้าสามารถเปิดกล่องดำหนึ่งในสามกล่องนี้ ก็ย่อมได้!”
กล่องไม้สีดำนี้ทำจากไม้จันทน์สีดำพิเศษและมีน้ำหนักมาก และตามความแตกต่างของการสอบทั้งสาม กล่องไม้สีดำก็มีข้อห้ามต่างกัน
ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเปิดออกได้
หากผู้สมัครอยากได้ข้อสอบก็ต้องเปิดกล่องไม้สีดำเอง!
และนี่ก็คือด่านทดสอบด่านแรก!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าไม่พูดสิ่งใดอีก
นางก้าวไปข้างหน้าแล้วหมายมั่นยื่นมือไปที่กล่องดำด้านซ้ายสุด
สีหน้าทุกคนดูขำขันราวกับกำลังรอดูเรื่องตลกอยู่
นิ้วเรียวขาวนวลจับบนกล่องดำ
ไป๋เชินเบะปาก และในขณะที่เขาไม่ทันได้คาดคิด…
แกร๊กๆ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
กล่องไม้สีดำถูกเปิดออกอย่างง่ายดายโดยฉู่หลิวเยว่!
ดูเหมือนอากาศจะหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง!
ไป๋เชินมีสีหน้าตะลึงค้าง!
เป็นไปได้อย่างไร
ฉู่หลิวเยว่สามารถเปิดกล่องดำได้แล้วหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นที่วางอยู่ในนั้นขึ้นมา
“บรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม ถือว่ามีคุณสมบัติผ่าน!”
เงื่อนไขกติกาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามนั้นดูเหมือนจะง่าย แต่นักเรียนที่คัดเลือกโดยสำนักเทียนลู่ทั้งหมดนั้นอายุต่ำกว่ายี่สิบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอัจฉริยะจะสามารถบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามดังกล่าวได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์