ตำหนักหลังใหญ่เงียบเชียบอย่างมาก
ซือถูซิงเฉินค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้นในตำหนักที่ว่างเปล่า จึงทำให้รู้สึกหนาวเย็นอย่างแปลกประหลาด
บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากสิ่งของที่ถูกทุบแตกกระจาย
ใบหน้าของซือถูซิงเฉินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเดินมาถึงด้านใน ในที่สุดนางก็เห็นจักรพรรดินีที่นั่งอยู่ที่ห้องด้านในสุด
นางสวมชุดที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เหมือนว่านางไม่ได้เปลี่ยนชุดมาหลายวันแล้ว
บนเสื้อเหล่านั้นยังเห็นคราบเลือดสีจางๆ ประปราย
ใบหน้าของนางซีดขาวอย่างมาก ริมฝีปากแห้งผาก แววตาเลื่อนลอย ร่างทั้งร่างขดตัวเป็นลูกกลมๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง โดยที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
หากมองผ่านๆ นึกว่านางนั้นตายไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานี้ จักรพรรดินีก็โดนทรมานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ซือถูซิงเฉินก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ในที่สุดก็มายืนอยู่ตรงหน้าเตียงของจักรพรรดินีแล้ว รอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของนาง
“จักรพรรดินี ข้ามาเยี่ยมท่านเพคะ”
เหมือนว่าจักรพรรดินีจะไม่ได้ยินเสียง นางจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
ซือถูซิงเฉินไม่ถือสา จึงค่อยๆ โน้มตัวแล้วเข้าใกล้นางอีกนิด
“ความจริงแล้ว…”
แต่ในตอนนั้นนางกลับได้กลิ่นเหม็นจากตัวของจักรพรรดินี จนทำให้เกือบจะสำลักออกมา
แววตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากแขนเสื้อแล้วมอบให้
“จักรพรรดินีเพคะ วันนี้องค์รัชทายาทสั่งให้ข้ามาเยี่ยมท่านเพคะ นี่คือจดหมายที่เขาเขียนขึ้นเอง ท่านเอาไปอ่านเถอะเพคะ”
เมื่อพูดจบ นางก็ขยับตัวลุกขึ้นยืน
นางทำได้ นางอยากจะออกจากสถานที่สกปรกแห่งนี้จะแย่ แต่นางยังไม่ลืมจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
กว่าจะเข้ามาที่นี่ได้มันไม่ง่าย นางต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี
เมื่อได้ยินคำว่า “รัชทายาท” ลูกตาดำของจักรพรรดินีก็กรอกไปมา ในที่สุดก็ได้สติคืนมา
นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาโบ๋ลึกแดงก่ำ และเต็มไปด้วยเส้นเลือด แววตานั้นมีแต่ความสิ้นหวังและความแค้น และยังมีความบ้าคลั่งอยู่ในนั้นด้วย
ซือถูซิงเฉินเกือบจะก้าวถอยหลังออกมา
ท่าทางเช่นนี้ของจักรพรรดินี…ทำให้คนหวาดกลัวมาก
ทันใดนั้นเองจักรพรรดินีก็แสยะยิ้มออกมา ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะซือถูซิงเฉิน และยังเหมือนหัวเราะเยาะตนเองด้วย
ไม่ต้องส่องกระจก นางก็รู้ว่าตอนนี้ตัวนางเป็นอย่างใด
“เจ้า…เข้ามาได้อย่างใด?”
น้ำเสียงของจักรพรรดินีแหบพร่า เหมือนกับอันใดบางอย่างที่เสียดสีกับทราย ฟังแล้วแสบแก้วหูอย่างมาก
ซือถูซิงเฉินสงบสติตัวเองลง จากนั้นก็อธิบายเสียงต่ำ
“รัชทายาทให้ข้ายืมป้ายคำสั่งมาเพคะ”
หรงจิ้นเป็นรัชทายาท ก็มีป้ายคำสั่งที่มีลักษณะคล้ายกับป้ายคำสั่งของจักรพรรดิจยาเหวินเช่นกัน
เขาเปลี่ยนให้ป้ายคำสั่งนี้มีความคล้ายคลึงเก้าส่วน
นอกจากจะเป็นคนที่เคยเห็นป้ายทั้งสองแล้ว คนอื่นๆ ไม่มีทางแยกออกได้
นั่นก็พอจะทำให้ซือถูซิงเฉินเข้ามาที่นี่ได้อย่างราบรื่นแล้ว
จักรพรรดินีถึงเชื่อขึ้นมาบางส่วน จากนั้นนางก็หยิบจดหมายขึ้นมา
แต่ เมื่ออ่านถึงบรรทัดที่สอง นางก็ขย้ำจดหมายเป็นก้อนกลมๆ แล้วปาใส่ซือถูซิงเฉิน
“นังสารเลว! แกนี่มันร้ายกาจจริงๆ เลยนะ!”
ซือถูซิงเฉินคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดินีจะทำกับตนเช่นนี้ นางจึงตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
โดนกระดาษปาใส่หน้านั้นไม่เจ็บหรอก แต่มันคือความอัปยศสูงสุดที่นางได้รับ
นางหยิบกระดาษก้อนนั้นขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆ จางหายไป
“จักรพรรดินี นี่ท่านกำลังทำอันใดอยู่หรือ? ข้ามาช่วยท่านกับองค์รัชทายาทด้วยความหวังดี แต่ท่านกลับทำแบบนี้กับข้า?”
มุมปากของซือถูซิงเฉินยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แววตาดูพออกพอใจ
แต่ตอนที่หันหน้ากลับมา สีหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติเหมือนดังตอนแรก
นางถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ในช่วงที่ท่านโดนกักบริเวณเมื่อหลายวันมานี้ ท่านคงจะไม่รู้สินะ ฝ่าบาทตัดสินใจกำจัดองค์
รัชทายาทแล้ว และให้องค์ชายสามขึ้นมาเป็นรัชทายาทแทน”
จักรพรรดินีมีสีหน้าตกตะลึงอย่างมาก “เป็นไปไม่ได้”
“ข้าเชื่อว่าท่านไม่เชื่อข้า แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว และมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ลองถามคนในตำหนักนี้ดูสิ ว่าพวกเขาโดนองค์ชายสามจับไปสอบสวนหมดแล้วใช่หรือไม่? ทำไมฝ่าบาทถึงมอบหมายงานนี้ให้องค์ชายสาม ท่านเดาไม่ออกจริงๆ เลยหรือ?”
น้ำเสียงของซือถูซิงเฉินอ่อนโยนอย่างมาก แต่จักรพรรดินีก็ได้ฟัง กลับรู้สึกว่ามันคือเสียงของงูพิษที่ขู่ “ฟ่อๆ” แล้วค่อยๆ ปีนขึ้นมาในหัวใจของนาง
ริมฝีปากของนางสั่นริกๆ ร่างกายแข็งค้างไปเสียทุกส่วน
“ไม่นะ…ไม่ได้ หรงจิ้นคือรัชทายาท! หรงจิ้นคือรัชทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของจักรพรรดินีแล้ว นางก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก
เหตุใดจักรพรรดินีถึงได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขนาดนั้น?
“ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เขาจะให้คนอื่นมาเป็นรัชทายาทไม่ได้เด็ดขาด!”
จักรพรรดินีตวาดลั่น แล้วล้มลงจากเตียง
“แค่หรงจิ้นเท่านั้น…ต้องเป็นหรงจิ้นคนเดียวเท่านั้น”
ทันใดนั้นเองซือถูซิงเฉินก็คิดอันใดได้บางอย่าง จึงจงใจถามขึ้นว่า
“องค์ชายสามมีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ หากเขาได้เป็นองค์รัชทายาท ทุกคนจะต้องเห็นพ้อง…”
“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด!”
แววตาของจักรพรรดินีดูดุร้ายอย่างมาก พร้อมกรีดร้องเสียงแหลม
“หรงจิ่วนับเป็นตัวอันใด? หรงจิ้นคือคนที่สวรรค์เลือก นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาทอีกแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...