เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 402

หลังจากรอยร้าวบนค่ายกลระเบิดจนเกิดช่องว่างขึ้นมา ก็ดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ราบรื่นมากกว่าเมื่อครู่

พลังค่ายกลสีทองจางๆ รอบตัว ที่ดูแข็งแกร่งราวก้อนน้ำแข็ง ก็ละลายอย่างรวดเร็วภายใต้การเผาไหม้ของเปลวเพลิงแห่งกรรมที่โปร่งใส!

เมื่อเปลวเพลิงกระทบกับพื้นผิวของค่ายกล อาคมสีทองที่เปล่งออกมาจากค่ายกลก็ส่องสว่างขึ้นฉับพลัน

พรึบ!

เพียงเสียงลุกไหมดังขึ้นครั้งเดียว เปลวไฟที่โปร่งใสนั้นก็ลุกลามไปในทันที

ทันใดนั้น ค่ายกลสีทองทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่โปร่งใส

ฉู่หลิวเยว่มองเห็นได้ชัดเจนว่า ผลึกบางๆ ห้าเหลี่ยมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทับถมอยู่บนนั้น ค่อยๆ กระจัดกระจาย และสลายตัวกลายเป็นเม็ดทรายเล็กๆ ทั่วไป

ซึ่งค่ายกลสีทองด้านอื่นๆ ก็ค่อยๆ สลายตัวลงเช่นกัน

เรียกได้ว่าร่างของฉู่หลิวเยว่นั้นแทบจะถูกล้อมไปด้วยเพลิงแห่งกรรมที่กำลังเผาไหม้อย่างไม่รู้จบ

ทว่าตอนนางนั้นยังโชคดี หรือไม่ก็เป็นเพราะหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้นจดจำได้ว่านางเป็นผู้ถือครอง ดังนั้นความร้อนจากเปลวไฟจึงไม่ได้มีผลกระทบต่อนางเลยสักนิด

แต่กลายเป็นเจ้าถวนจื่อต่างหากที่ทนความแสบร้อนไม่ไหว เมื่อไฟลามมายังด้านหลัง มันก็ทนไม่ไหว แล้วรีบมุดกลับเข้าไปหลบในที่ของตัวเองอย่างว่องไว

เมื่อปราการสีทองแถวแรกหายไปอย่างสมบูรณ์ และกลายไปเป็นทรายที่กระจัดกระจายอีกครั้ง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกได้ถึงพลังประหลาด ที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของนางตามการไหลเวียนของเปลวเพลิงแห่งกรรมที่โปร่งใส

นางกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ

สิ่งนี่คือ…

“ผลึกสีทองนั้นมีพลังมากมาย แต่เจ้าเผามันด้วยเพลิงแห่งกรรม ซึ่งการใช้พลังถึงเพียงนี้ เกือบจะเทียบเท่ากับการดึงพลังทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมาใช้เลย”

ทันใดนั้นอินทรีสามตาก็พูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย

แต่ถ้าฟังดีๆ จะสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่แปรปรวนในน้ำเสียงนั่น

มันอยู่กับฉู่หลิวเยว่มานานพักหนึ่งแล้ว และได้เห็นกับตาตัวเองมาตลอดว่า นางมีดวงชะตาที่ต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง!

โชคชะตาแบบนี้จะเรียกว่าขัดต่ออำนาจของสวรรค์ก็คงฟังดูไม่เกินจริง

ขนาดตัวมันเองยังอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจเลย

มันมีชีวิตอยู่มานานถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นผู้ใดที่เกิดมาพร้อมโชคอย่างฉู่หลิวเยว่เลยสักคน!

คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าในทางปฏิบัตินั้น สิ่งแรกที่ติดตัวคือพรสวรรค์ และประการที่สองก็คือความขยันหมั่นเพียร

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่มาอันดับแรกคือ โชคต่างหาก และฉู่หลิวเยว่คือคนที่มีทั้งสามสิ่งนี้

เพราะเหตุนี้จึงทำให้ตอนนี้อินทรีสามตาพอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ถึงยินดีให้ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ถือครองของมัน

มันเริ่มสัมผัสได้ว่า คำสัญญาที่ฉู่หลิวเยว่บอกจะช่วยฟื้นคืนร่างกายให้มันนั้น ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ได้ฟังในคราแรก

หากนางพัฒนาฝีมือต่อไปเรื่อยๆ วันใดวันหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่อาจกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในอนาคตก็ได้

ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ อินทรีสามตาคิดเป็นตุเป็นตะเพียงใด ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ถามอย่างไม่แน่ใจว่า

“เจ้าจะบอกว่า…ที่ข้าทำเช่นนี้นั้นเปรียบเสมือนการฝึกตนอย่างนั้นหรือ?”

อินทรีสามตาเยาะเย้ย

“ยามเจ้าฝึก เจ้าเก่งกาจเพียงนี้หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

ที่พูดมานั่นหมายความว่า มันจะชมว่านางโชคดี หรือจะด่าว่านางเป็นพวกหัวช้ากันแน่

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สถานที่แห่งนี้ยังมีค่ายกลสีทองที่เปรียบเสมือนปราการเขาวงกตอยู่อีกนับร้อยชั้น

หากนางเผาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ ไม่ใช่ว่ามันจะช่วยทำให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มพูนขึ้นอีกหรือ

นับตั้งแต่เข้าสู่สุสานของจักรพรรดิ ในที่สุดอารมณ์ที่ตึงเครียดก่อนหน้านี้ ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่กำหมัดแน่น และรู้สึกถึงพลังที่พุ่งพล่านในร่างกายของนาง พลันอดไม่ได้ที่จะเม้มปากอย่างชั่งใจ

คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมาเจอเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วย

หากนางสามารถกลืนพลังเหล่านี้ได้ทั้งหมด นางจะต้องทะลวงค่ายกลออกไปได้อย่างแน่นอน

เมื่อคิดเช่นนั้น นางก็ควรขอบคุณมู่ชิงเห่อเช่นกัน

เดี๋ยวนะ แล้วเขาล่ะ?

ท่าทีของฉู่หลิวเยว่ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

ดังนั้นถึงแม้จะมันจะถูกกดพลังไว้เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และประสบกับความสูญเสียอย่างร้ายแรง ทว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยเคลื่อนไหวเลย

นอกเสียจากกักเก็บพลังปราณในตัวไว้อย่างเดียว

แต่…เพราะอันใดคราวนี้มันถึงเคลื่อนไหวกัน

ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าอินทรีสามตากำลังคิดอันใดอยู่ และคิดว่ามันเองก็คงรู้สึกประหลาดใจกับฉากนี้เหมือนกัน

ระหว่างนางกับหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ มีสายสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดบางอย่างเชื่อมเราไว้ด้วยกัน ดังนั้นนางจึงรู้ดีว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์จะไม่บุบสลาย และจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้น

ดูเหมือนว่าตอนนี้มันกำลังซ่อมแซมตัวเองอย่างแข็งขัน

ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับฉู่หลิวเยว่

หลังจากยืนยันเรื่องนี้แล้ว ฉู่หลิฃวเยว่ก็รีบดึงสติกลับมาจดจ่ออยู่กับการฝึกตน

ตลอดเวลาปราการค่ายกลสีทองรอบๆ นั้นทยอยละลายเรื่อยๆ ภายใต้การเผาไหม้ของเปลวเพลิงแห่งกรรม

เหนือพื้นดินปรากฏกองทรายสีทองที่กระจัดกระจายอยู่ทุกหนแห่ง และรังสีที่แผ่ออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

เพลาล่วงเลยไปจนไม่อาจทราบได้ ทว่าจู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่มองไม่เห็น

หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะ นั่นเป็นสัญญาณของการทะลวงผ่านนักรบระดับสาม

ขณะเดียวกัน ลวดลายอักขระที่สองก็ปรากฏขึ้นบนหยดน้ำในจุดตันเถียน

เมื่อเวลานี้มาถึงฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งสงบนิ่ง นางยังคงดูดซับพลังปราณอย่างเรื่อยๆ

นางรู้ว่าตัวเองไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนทั่วไป

ด้วยความช่วยเหลือจากพลังของน้ำ นางจึงต้องการที่จะฝ่าฟันขึ้นสู่นักรบระดับสามให้ได้ แต่ก็เกรงว่ามันจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นๆ

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปทีละนิด ฉู่หลิวเยว่ก็พบว่ามีปัญหาอีกอย่างเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าชีพจรดั่งเดิมในร่างกายของนาง จะไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้อีกต่อไป และมันเริ่มเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว

คราแรกมันเป็นเพียงความรู้สึกเจ็บแปรบเล็กน้อย แต่มันกลับพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั้งตัว

พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นไหลเวียนอยู่รอบๆ ตัวนางตลอดเวลา และแทบจะทุบจิตวิญญาณของนางให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

ฉู่หลิวเยว่พยายามลดการไหลเข้ามาของพลังปราณ แต่กลับต้องตกใจเมื่อพบว่านางหยุดมันไม่ได้แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์