“ท่านออกมาเถอะ เขาไปแล้ว”
ซือถูซิงเฉินเอ่ยเสียงเบา
ถัดจากแผ่นหลังของนางออกไปไม่ไกล จุ่ๆ ก็มีความผันผวนเกิดขึ้นในอากาศ จากนั้นชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาจากช่องแห่งความผันผวนนั่น
เขาคือ ผู้อาวุโสเหลียนหนิง
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า เหตุใดหรงจิ้นถึงได้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างราบรื่นมาได้หลายปีเช่นนี้”
ผู้อาวุโสเหลียนหนิงเอ่ยอย่างประชดประชัน
“นี่เขาคิดว่า เพียงพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจะสามารถเข้าไปในสุสานของจักรพรรดิ และได้ในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ หรือ?”
“สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็น ‘บุตรแห่งสวรรค์’ ดังนั้นมันจะมีจุดที่ต้องแตกต่างจากคนอื่นๆ อยู่บ้างสิ”
ซือถูซิงเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสเหลียนหนิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง พลางเอ่ย “ดูๆ แล้ว เหมือนว่าองค์หญิงจะสนใจในตัวหรงจิ้นผู้นั้นอยู่ไม่น้อยเลยนะ?”
“ไม่ใช่แน่นอน ข้าไม่เคยคิดว่าหรงจิ้นมีจุดที่น่าสนใจเลยสักนิด”
เป็นบุตรแห่งสวรรค์แล้วมันอย่างใดกัน?
หรงจิ้นอาจจะแค่ประสบความสำเร็จ เพราะโชคช่วยก็ได้!
ผู้อาวุโสเหลียนหนิงหันศีรษะ พลันเหลือบมองไปยังทิศทางที่หรงจิ้นหายตัวไป และกล่าวอย่างครุ่นคิด
“สิ่งที่ท่านพูดนั้นสมเหตุสมผล ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คนอย่างหรงจิ้นจะเป็นบุตรแห่งสวรรค์ไปได้อย่างใดกัน?”
ซือถูซิงเฉินขบริมฝีปากอย่างเย็นชา
ถ้านางไม่ได้ยินคำพูดของจักพรรดินีกับหูตัวเอง และไม่ได้เห็นฉากในตรอกชีเจี่ยวด้วยตาของนางคู่นี้ นางก็คงไม่เชื่อ
“แม้หรงจิ้นจะไร้ความสามารถ แต่ว่า…ลืมแล้วเหรอว่ามีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน?” ซือถูซิงเฉินทัดปอยผมเกี่ยวใบหูอย่างอ่อนหวาน ทว่าดวงตาของนางกลับดูเย็นชาราวกระแสน้ำในฤดูใบไม้ร่วง “ด้วยความช่วยเหลือของข้า เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดแล้ว”
ผู้อาวุโสเหลียนหนิงค่อมศีรษะลง
“ยามนี้องค์หญิงวางแผนไว้เช่นไรหรือ? จะรอดูสถานการณ์อยู่ที่นี่ หรือว่า…”
“ขึ้นไปที่สุสานของจักรพรรดิ”
ซือถูซิงเฉินตอบกลับเสียงเรียบ
ผู้อาวุโสเหลียนหนิงน้อมรับ เพียงปลายแขนเสื้อพริ้วไหว หมอกสีขาวก็ลอยออกมาปกคลุมร่างของทั้งสองคนไว้
และเพียงพริบตา ร่างของคนทั้งสองก็หายวับไปจากที่แห่งนั้นทันที
…
อีกด้านหนึ่ง หรงจิ้นกำลังมุ่งหน้าไปยังยอดเขาซีจินเพียงลำพัง
หลังจากเข้าไปใกล้ เขาก็ค้นพบว่าทหารยามที่นี่เข้มงวดกว่าปกติจริงๆ
แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าความจริงแล้ว มันเกิดอันใดขึ้นที่สุสานแห่งจักรพรรดิ…
หรงจิ้นเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พร้อมครุ่นคิดอยู่ในใจ
แซ่เสียงบริเวณโดยรอบเงียบลง และยิ่งเขาก้าวไปข้างหน้ามากเท่าไร เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจเต้นชัดขึ้นมากเท่านั้น
ตอนนี้ในสมองของเขายังนึกถึงคำพูดของซือถูซิงเฉินวนเวียนไปมาไม่หยุด
“…ในสุสานของจักรพรรดิมีสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมานับพันปี ว่ากันว่าบรรพบุรุษของแคว้นเย่าเฉินได้สมบัตินี้มาโดยบังเอิญ แต่เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องที่มาของสมบัติชิ้นนี้ จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขายังครอบครองสมบัตินั่นไว้ในมือ และในที่สุดก็มันก็ถูกนำมาฝังไว้ในสุสานของจักรพรรดิ”
“เรื่องนี้มีเพียงจักรพรรดิแห่งแคว้นเย่าเฉินองค์ก่อนๆ นั้นที่รู้ จักรพรรดินีเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน จนกระทั่งมีอยู่ปีหนึ่ง เมื่อปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นในพิธีถวายเครื่องบูชาต่อสวรรค์ที่ยอดเขาซีจิน นางถึงได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้รับการยืนยันว่า องค์รัชทายาท ท่านคือบุตรแห่งสวรรค์ ซึ่งคำพยากรณ์กำหนดไว้ว่า วันหนึ่งในอนาคตท่านจะได้เข้าไปในสุสานของจักรพรรดิ เพื่อสืบทอดสมบัตินั่น และกลายเป็นเจ้าของคนใหม่”
“เมื่อท่านได้สมบัตินั้นมาและไขความลับได้ ท่านก็จะได้รับพลังแห่งสวรรค์!”
หรงจิ้นกลืนน้ำลายและจ้องมองไปยังยอดเขาซีจิน ด้วยแววตาแห่งความปรารถนาและความตื่นเต้นที่ฉายชัดออกมา
พลังแห่งสวรรค์!
เพียงได้ยินสี่พยางค์นี้ ก็สามารถทำให้ใครๆ ตื่นตัวได้แล้ว!
แม้ว่าเขาจะได้ฟังเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ทว่าทุกครั้งที่หรงจิ้นคิดถึงมัน ในใจเขาก็ยังเต็มไปด้วยความปีติยินดีอย่างควบคุมไม่ได้
เขามีชีวิตอยู่มานานกว่ายี่สิบปีแล้ว และเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้รับโอกาสดีๆ เช่นนี้!
ท่านแม่เองก็เหลือเกินที่ปิดบังเขามาเสียนาน!
หากรู้เรื่องสมบัติเร็วกว่านี้ เขาคงมาที่นี้ตั้งนานแล้ว!
เมื่อก่อนเขาถูกคนอื่นทำร้ายนักต่อนัก จนเขาเกือบคิดว่า ตัวเองคงหมดหวังที่จะพลิกชะตาชีวิตกลับคืนมาได้
แต่ใครจะรู้ว่าจะมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ด้วย!
พอคิดถึงเรื่องนี้ ในใจหรงจิ้นก็รู้สึกไม่พอใจจักรพรรดินีขึ้นมา
หากจักรพรรดิจยาเหวินอยู่ที่นี่ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าอักขระที่ปรากฏด้านบนนั้น เหมือนกับกุญแจเปิดค่ายกลของยอดเขาซีจิน ที่เขาถือครองทุกประการ!
ในกล่องที่จักรพรรดินีเฝ้าหวงนักหวงหนา มีของสิ่งนี้ซ่อนอยู่!
นี่คือสิ่งที่นางแอบคัดลอกมาจากจักรพรรดิจยาเหวิน โดยจ้างหาคนมาแกะสลักให้เป็นการส่วนตัว
ที่เก็บซ่อนมานานหลายปี ก็เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ!
ครืน!
พลันเกิดระลอกคลื่นขึ้นที่ด้านบนของค่ายกล!
จากนั้นทางเข้าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหรงจิ้น!
หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาทางปาก!
ทันใดนั้น ร่างของเขาก็วูบหายเข้าสู่ภายในค่ายกล!
ตอนเข้าไปเขาไม่ได้สังเกตถึงสิ่งรอบข้าง ทว่าหลังจากเข้าไปแล้ว ประตูค่ายกลกลับไม่ได้ปิดตัวลงทันทีอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันกลับมีคลื่นพลังที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นแทน
ราวกับมีกระแสลมพัดผ่านเข้ามา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีแสงสลัวปรากฏขึ้นบนค่ายกล และในที่สุดประตูก็ปิดลง
ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาถึง และเห็นว่าประตูค่ายกลยังไม่ได้ปิดสนิท ก็ไม่ได้คิดรีรอแต่อย่างใด พลันมุ่งหน้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว
…
ภายในสุสานของจักรพรรดิ ฉู่หลิวเยว่กำลังนั่งใช้ความคิดอยู่บนบัลลังก์
กำแพงสีทองที่อยู่รอบตัวทับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และในที่สุด พวกมันก็หยุดการขยายตัว เมื่อกำลังจะแตะโดนแม่น้ำ
พื้นที่ทั้งหมดดูเหมือนจะหยุดนิ่ง แต่มีค่ายกลรอบๆ ฉู่หลิวเยว่เท่านั้นที่ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง
ฉู่หลิวเยว่ประมาณการว่า ตอนนี้เวลาผ่านไปประมาณสิบห้านาทีแล้ว แต่เพราะพลังของค่ายกลนี่แข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นกระบวนการต่างๆ จึงช้ามากๆ จนแทบไม่เห็นความคืบหน้า
ผ่านไปพักหนึ่ง รอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลตรงหน้า!
เปรี้ยะ!
ค่ายกลแตกแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...