เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 423

นางสันนิษฐานว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิเสียนคังแห่งแคว้นซิงหลัว…ซือถูเหยียน

ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าการพูดคุยกับจักรพรรดิจยาเหวินจะไม่ค่อยราบรื่นนัก และดูเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

มิเช่นนั้นคงไม่แสดงออกทางสีหน้าแบบนั้นต่อหน้าผู้คนมากมาย

อย่างใดก็ตาม เขาก็เป็นถึงจักรพรรดิหากไม่เจอเรื่องที่ทนไม่ไหวจริงๆ ก็คงจะไม่ถึงกับต้องแสดงออกแบบนี้

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นในใจเล็กน้อย

ก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดิจยาเหวินพูดหรือทำอันใดลงไป ซือถูเหยียนถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้

ซือถูเหยียนเดินผ่านพวกเขาไป

ทว่าจู่ๆ ซือถูเหยียนก็ชะงักฝีเท้าลง ก่อนมองไปที่ฉู่หลิวเยว่

“เจ้าคือฉู่หลิวเยว่?” เกิดประกายบางอย่างแล่นผ่านดวงตาของฉู่หลิวเยว่

ช่างแปลกใจจริงๆ ท่านผู้นี้รู้จักนางด้วยหรือ?

นางก้มศีรษะเล็กน้อยและคุกเข่าลงเพื่อคำนับ

ดวงตาของซือถูเหยียนเหมือนมีดคม ที่กรีดผ่านร่างของฉู่หลิวเยว่ไป

หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นคลอนเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าซือถูเหยียนไม่มีภาพพจน์ที่ดีเกี่ยวกับนางเลย…

ฉู่หนิงก้าวขึ้นไปข้างหน้า ก่อนจะยืนบังร่างของฉู่หลิวเยว่จากข้างหน้าอย่างเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของซือถูเหยียน

ซือถูเหยียนกระแอมไอหนึ่งทีอย่างเยือกเย็นแล้วหันหลังจากไป

เมื่อร่างของเขาค่อยๆ หายไป ฉู่หนิงจึงหันหลังมาถาม ด้วยความเป็นห่วง

“เยว่เอ๋อ เจ้าไปทำให้ท่านนี้บาดหมางใจตั้งแต่เมื่อใด?”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ พร้อมยักไหล่

“วันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าพบเขาเช่นกัน แล้วข้าจะทำให้เขาขุ่นเคืองใจได้อย่างใด? แต่…ก่อนหน้านี้ข้าเคยทำให้แก้วตาดวงใจของเขาขุ่นเคือง”

ซือถูซิงเฉิน?

ฉู่หนิงพยักหน้าอย่างคล้อยตาม

ฉู่หลิวเยว่มองเขาที่จู่ๆ ก็โล่งใจ แล้วถามอย่างสงสัย “ท่านไม่กังวลหรือ?”

“มีสิ่งใดให้กังวล?” ฉู่หนิงหัวเราะเบาๆ “ลูกสาวของคนผู้นั้นจะเทียบกับเยว่เอ๋อลูกสาวของข้าได้หรือ?”

เขารู้คร่าวๆ ว่าซือถูซิงเฉินนั้นสนใจในตัวหรงซิว แต่หรงซิวเลือกขอเยว่เอ๋อแต่งงานนั่นคือสาเหตุที่ซือถูซิงเฉินมีท่าทีต่อต้านเยว่เอ๋อ นี่มันก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือ?

ในสายตาของฉู่หนิงต่อให้ลูกสาวของคนทั้งโลกรวมกัน ก็ไม่ดีเท่าเยว่เอ๋อลูกสาวสุดที่รักของตนแค่คนเดียว และไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เขาเชื่อว่าสายตาของหรงซิวนั้นไม่มีทางพลาด

ฉู่หลิวเยว่ “…”

เหตุใดนางรู้สึกถึงความทะนงจากประโยคนี้กันนะ…

“ฉู่หนิงมาแล้วหรือ ให้เขาเข้ามา!”

เสียงของจักรพรรดิจยาเหวินดังมาจากในตำหนักจ้าวหยาง

ขันทีหมินรีบตอบ

“ฝ่าบาท ท่านหญิงหลิวเยว่ก็มาด้วย นางบอกว่ามีเรื่องจะรายงาน”

เสียงข้างในเงียบไปชั่วครู่ “ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางเข้ามาด้วย”

ฉู่หนิงและฉู่หลิวเยว่มองหน้ากัน ทั้งคู่ดูเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที ก่อนก้าวเข้าไปในตำหนักจ้าวหยางทีละคน

เมื่อเข้าไปในตำหนัก ฉู่หลิวเยว่ก็มองเห็นจักรพรรดิจยาเหวินที่นั่งอยู่ตรงหน้า

สีหน้าของเขาดูเหมือนดีกว่าสองสามวันที่ผ่านมา ชัดเจนว่าเขาได้ระบายความโกรธกับกับซือถูเหยียนไปแล้ว

“หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก ที่เจ้ามาวันนี้มีเรื่องอันใดกัน?”

น้ำเสียงของเขาดูผ่อนคลาย ราวกับไม่ได้รู้สึกจริงจังกับการมาของฉู่หลิวเยว่

ฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงจ้องตากันสักครู่ ก่อนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า

“ฝ่าบาท ที่หลิวเยว่มาในวันนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับตรอกชีเจี่ยว”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตรอกชีเจี่ยว’ สามคำนี้ สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินก็พลันชะงักไปทันที ก่อนจะรีบนั่งตัวตรง แล้วจ้องเขม็งไปทางฉู่หลิวเยว่

“เจ้าว่าอันใดนะ?”

ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป ก่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เพียงแค่เปลี่ยนจากนางตั้งใจไปตรอกชีเจี่ยวเป็นแค่บังเอิญผ่านไปเท่านั้น

นางไม่อยากให้จักรพรรดิจยาเหวินรู้ว่านางกำลังตามสืบสวนเรื่องนี้อยู่

เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินได้ยินคำแรกก็ถึงกับชะงักไป

เขาไม่รู้ว่าพยายามมากขนาดไหน จึงจะสามารถปรามความอยากจะคว่ำโต๊ะนี้ได้ แต่มือของเขาออกแรงคว้าเก้าอี้ไว้จนเส้นเลือดตรงแขนชัดขึ้น

หากจักรพรรดิจยาเหวินรู้ว่าสองคนที่เข้าไปในสุสานคือนางและมู่ชิงเห่อ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีอย่างใด

“ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าออกไปกันได้แล้ว” จักรพรรดิจยาเหวินปัดมือไปมา ฉู่หนิงจึงพาฉู่หลิวเยว่ออกไป

ตอนที่เดินผ่านตำหนักจ้าวหยางจู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ถามว่า

“ท่านพ่อ ข้าขอไปดูที่สุสานของจักรพรรดินีได้หรือไม่?”

ฉู่หนิงอึ้งไปสักพัก

“เจ้าจะไปที่นั่นด้วยเหตุใด?”

ฉู่หลิวเยว่ไตร่ครองสักครู่ ก่อนหัวเราะ

“ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยให้ท่านพ่อเจอเบาะแสอันใดบางอย่างได้หรือไม่”

แต่ฉู่หนิงกลับส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม

“พิธีศพของจักรพรรดินีจะจัดขึ้นพรุ่งนี้ หากเจ้าเข้าไปตอนนี้อาจจะไม่เหมาะสมนัก”

อย่างใดเขาก็ยังไม่ต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นความแน่วแน่ของเขา ก็ไม่ได้รบเร้าต่อแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

ก่อนจะไปที่ตรอกชีเจี่ยวพร้อมกัน

ตำหนักองค์ชายหลีหวัน

“องค์ชายขอรับ ทหารหน่วยพายัพส่วนหนึ่งมาถึงเมืองหลวงแล้ว”

อวี๋มั่วกล่าวเบาๆ

“กว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่ อย่างมากที่สุดก็ใช้เวลาสามวัน ท่านคิดว่า…”

สีหน้าของหรงซิวเรียบเฉยและเปิดหนังถือหน้าถัดไป

“มากันกี่คน?”

“ไม่มากขอรับ ห้าพันคนแต่ทั้งหมดคือทหารชั้นยอด และเป็นคนที่รอดมาจากสนามรบอีกด้วย ทว่าทหารหนึ่งนายสามารถเอาชนะศัตรูสิบคน แม้ว่าจำนวนทหารของเมืองหลวงจะมากกว่า แต่หากทั้งสองฝ่ายสู้รบกัน แม้ว่าคาดเดาผลแพ้ชนะไม่ได้ แต่ก็ยังมีกองกำลังที่จะมาเสริมทัพ…”

รอยยิ้มมุมปากของหรงซิวโผล่ขึ้น

“แม้ว่าหรงจิ่วจะไม่ได้เตรียมการสู้รบไว้ แต่…ข้าต้องการให้เขาชนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์