นางมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
เขาน่าจะอายุราวๆ สิบห้าสิบหกปี ทั้งสูงและผอม และรูปร่างหน้าตาของเขาดูเกลี้ยงเกลา แต่กลับมีท่าทางเย่อหยิ่ง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด
“อาจารย์ไป๋เชินให้ข้ามาที่นี่ เจ้ากำลังจะบอกว่าเป็นความผิดของอาจารย์ไป๋เชินอย่างนั้นหรือ”
ฉู่หลิวเยว่ถามเสียงเรียบนิ่ง
เด็กหนุ่มคนนั้นหน้าถอดสีเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้วมุ่น
ไป่เชินเป็นหนึ่งในครูระดับสูงด้านปรมาจารย์ในสำนัก และมีสถานะสูงส่งเป็นที่เคารพ ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินอาจารย์ไปเชิน
หากได้ยินถึงหูอาจารย์ เขาต้องซวยแน่ๆ
สักพักเขาก็แสยะยิ้มอย่างเย็นชา
“เจ้าคิดแค่จะเอาอาจารย์ไป๋เชิญมาบังหน้าอย่างเดียวหรือ มีความสามารถก็แสดงออกมาสิ มิฉะนั้น ต่อให้เจ้าสอบเข้ามาได้ก็ไม่มีใครเห็นค่าเจ้าหรอก”
ฉู่หลิวเยว่ “อ่อ” เพียงคำเดียว
“ตอนนี้ข้าก็เข้าร่วมการสอบแล้วไงเล่า เจ้ากำลังขวางข้าอยู่ พี่ใหญ่”
เด็กหนุ่มหน้าดำหน้าแดง พอเห็นฉู่หลิวเยว่ก็อยากด่าชุดใหญ่ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“ซือหยาง กลับมา”
ขณะนั้นก็มีน้ำเสียงกังวานใสดังขึ้น
แม้ว่าน้ำเสียงจะสงบ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสง่างามที่ผู้คนไม่สามารถต้านทานได้
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองก็พบว่าเสียงนั้นมาจากเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังกลุ่มคน
หลังจากเห็นรูปร่างหน้าตาของเด็กหนุ่ม ฉู่หลิวเยว่ก็เลิกคิ้วขึ้น
เพราะรูปร่างหน้าตาของคนนี้ช่างหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา
คิ้วคมสัน ดวงตาเป็นประกายดั่งดวงดาว เครื่องหน้าหล่อเหลา โครงหน้าคมเข้ม
เขายืนอยู่ตรงนั้นรายล้อมไปด้วยผู้คน เมื่ออยู่รวมกันคนอื่นก็ดูไม่น่าสะกดสายตาเท่าเขา
พระอาทิตย์ส่องแสง เงาของต้นไม้สั่นไหว และเขายืนเอามือไพล่หลัง เขารัศมีที่เฉียบคมอย่างน่าประหลาดราวกับดาบที่กำลังจะออกจากฝัก!
ป้ายชื่อบนหน้าอกของเขายังเป็นสีขาวดำ และเห็นได้ชัดว่าเขาก็เป็นปรมาจารย์เหมือนกัน
เขาผู้นี้…ดูไม่ง่ายเลยทีเดียว…
ฉู่หลิวเยว่แอบคิดในใจ
ตอนที่นางมาเมื่อครู่นี้ไม่ได้สังเกตคนผู้นี้เลย หากพูดตามจริง พลังปราณของเขาชัดเจนมาก นางไม่มีทางมองข้ามได้เด็ดขาด
มีความเป็นไปได้ทางเดียวเท่านั้น เมื่อครู่นี้ชายหนุ่มได้ลดปราณลงได้อย่างแยบยล!
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าความพลังความสามารถของเขาไม่อ่อนแออย่างแน่นอน!
ราวกับว่าเขาสังเกตเห็นสายตาที่มองมาของฉู่หลิวเยว่ ชายหนุ่มก็หันมาเล็กน้อย และเขาก็เหลือบมองนางด้วยเช่นกัน
ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจ
คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ผู้นี้ เขาเคยพบเห็นมาก่อน ในความทรงจำของเขานางเป็นคนอ่อนแอขี้ขลาด แค่ตอนนี้ทำไมถึงดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าซือหยางเม้มริมฝีปาก เขามองฉู่หลิวเยว่แล้วกดเสียงต่ำ
“ตอนสอบได้เห็นดีกันแน่”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่ให้อย่างไม่ยี่หระ
นางไม่แน่ใจว่าเขามีความสามารถนั้นหรือไม่
แต่ว่า…ซือหยางชื่อนี้….
ดูเหมือนจะเป็นคนในตระกูลซือ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ใช่หรือไม่
“พี่ใหญ่”
ซือหยางเดินไปอยู่ข้างกายชายคนนั้น กลายเป็นสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่จึงนึกขึ้นได้ทันที
ที่แท้ก็คือเขานี่เอง
เด็กแรกรุ่นของตระกูลซือมีมากมาย ผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในนั้นก็คือซือถิง…คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซือ
ครึ่งปีที่แล้ว เขาเป็นที่หนึ่งในการสอบปรมาจารย์และได้เข้ามาในสำนักเทียนลู่
ณ ตอนนั้น อาจารย์ในสำนักเทียนลู่เคยยกย่องว่าซือถิงมีความสามารถอย่างมากในด้านนี้ และภายในเวลาไม่กี่ปี เขาสามารถกลายเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดของแคว้นเย่าเฉิน
เวลานั้นจึงเกิดความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
ซือถิงได้รับการยกย่องและชื่นชมมากกว่าฉู่เซียนหมิ่นที่ได้อันดับหนึ่งจากการสอบผู้ฝึกยุทธ์เสียอีก
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของฉู่เซียนหมิ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และชื่อเสียงของนางก็โด่งดังขึ้นเช่นกัน แต่ทางด้านซือถิงดูเหมือนจะเงียบไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็จำได้แค่ว่าฉู่เซียนหมิ่นโดดเด่นเพียงใด
“ค่ายกลแปดวารีที่ข้าแสดงให้เจ้าเห็นเมื่อสองสามวันก่อน เจ้าสามารถศึกษาละเอียดถ่องแท้หรือยัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์