เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เซียนหมิ่น บริเวณหลังเขาที่เคยเงียบสนิทก็มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันที
ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึง แล้วใช้สายตามองฉู่หลิวเยว่ราวกับมองคนบ้า
ฉู่หลิวเยว่จะเข้าร่วมการสอบกับพวกเขา
หลิงจู๋ขมวดคิ้วและเหลือบมองไปที่ไป๋เชิน เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ไป๋เชิน นี่มันเรื่องอะไร การสอบของสำนักกำลังจะเริ่มแล้ว เจ้ายังจะมัวทำเป็นเล่นอีกหรือ”
ไป๋เชินหัวเราะแหะๆ
“ข้าจะล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้หรือ เสี่ยวหลิวเยว่สอบติดสำนักเราแล้ว ทำไมจะเข้าร่วมสอบครั้งนี้ไม่ได้”
หลิงจู๋ยังคงนึกสงสัย แล้วพินิจมองฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
ในเมืองหลวง ไม่มีใครไม่รู้ว่าฉู่หลิวเยว่มีชีพจรพิการมาตั้งแต่กำเนิด มิฉะนั้น ในฐานะทายาทคนโตของตระกูลฉู่ นางคงไม่ไปถึงจุดที่ถูกคนรังแกหรอก
แต่ตอนนี้ไป๋เชินพูดจริงจังว่าฉู่หลิวเยว่ได้รับการยอมรับเข้าสำนักของพวกเขาแล้ว แถมยังสอบผ่านทั้งสามแขนงวิชาอีกด้วย!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
ต้องทราบก่อนว่าในประวัติศาสตร์ของสำนักเทียนลู่ ไม่มีใครทำถึงจุดนี้ได้เลยสักคน!
เขารู้จักนิสัยของไป๋เชินอย่างดี เขาเป็นคนซื่อตรงที่สุด หากผู้ใดไร้ซึ่งความสามารถ เขาคงไม่ไว้หน้าเด็ดขาด
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาชื่นชมฉู่หลิวเยว่เป็นอย่างมาก!
เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไปนาน ไป๋เชินจึกสะบัดมือก่อนด้วยความทนไม่ไหว
“เอาล่ะๆ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เชื่อ อีกประเดี๋ยวพอเริ่มการสอบ พวกเจ้าก็ดูเองก็แล้วกัน!”
เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว หลิงจู๋จึงทำได้เพียงยอมไปก่อน
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น…นางจะสอบแขนงใดหรือ”
ฉู่เซียนหมิ่นกระดิกหู
นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉู่หลิวเยว่ใช้มารยาสาไถยอะไรถึงได้สอบติดมาจนได้ แล้วยังกล้าเข้าสอบครั้งนี้อีกด้วย”
ไป๋เชินขยับเข้าไปใกล้ฉู่หลิวเยว่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เสี่ยวหลิวเยว่ เจ้าอยากสอบอะไร อันที่จริงสอบด้านปรมาจารย์จะสบายหน่อย แล้วไม่ต้องใช้เวลามาก เจ้าเลือกอันนี้ก่อนดีหรือไม่”
หลิงจู๋ลอบส่ายหน้า
ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋เชิน เวลาสอบที่สั้นที่สุดคือการสอบผู้ฝึกยุทธ์ อีกสองสาขาที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์หรือหมอเทวดา ล้วนต้องใช้พลังและความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้ฉู่หลิวเยว่สอบปรมาจารย์มากกว่า เพราะเหตุใด…
ฉู่หลิวเยว่พอจะคาดเดาความคิดของไป๋เชินออก ดังนั้นนางจึงยิ้มให้จากใจจริง
“ขอบคุณอาจารย์ไป๋เชินที่ชี้แนะ ถ้าอย่างนั้นข้าสอบปรมาจารย์ก็ได้เจ้าค่ะ!”
เมื่อนางพูดออกไปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันซุบซิบ
“ชิ เสแสร้ง! ข้าไม่เชื่อว่านางจะสอบผ่านสามวิชามาได้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ก็แค่คนชีพจรพิการคนหนึ่งจะสอบผ่านผู้ฝึกยุทธ์ได้ยังไง”
“ใครจะไปรู้ว่านางใช้เล่ห์กลอะไรถึงสอบผ่านเข้ามาได้ หากนางมีความสามารถจริงดั่งว่า ทำไมไม่เลือกสอบผู้ฝึกยุทธ์ไปเลยเล่า พิสูจน์ความสามารถตัวเองไปเลย!”
“แต่ว่า ท่าทางอาจารย์ไป๋เชินดูเหมือนจะใส่ใจฉู่หลิวเยว่จริงๆ…ปกติเขาไม่ชอบนักเรียนที่มีความสามารถปานกลางและผลการเรียนขึ้นๆ ลงๆ ที่สุดมิใช่หรือ”
“ใครจะไปรู้! เดี๋ยวได้ดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ”
ไป๋เชินมีสีหน้าเย็นชาเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ แต่เขาพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ก่อน
“เจ้าเด็กบ้านี่ เดี๋ยวข้าจะ…”
ฉู่หลิวเยว่กลับหัวเราะส่ายหน้า
“อาจารย์ไป๋เชิน การที่มีคนตั้งคำถามเป็นเรื่องปกติ หลังจากการสอบเสร็จสิ้น หลิวเยว่จะทำให้พวกเขาหุบปากให้ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นนางมีท่าทีสงบนิ่งไม่ประหม่า ความโกรธในใจเขาก็พอทุเลาลงมาบ้าง
“ได้! ใช้ความสามารถของเจ้าปิดปากพวกเขา!”
ไป๋เชินพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ และอธิบายว่า
“เสี่ยวหลิวเยว่ สำนักมีนักเรียนทั้งหมดสามชั้นปี การสอบกลางภาคก็แบ่งไปตามนั้น แม้นักเรียนทุกคนต่างมารวมตัวที่หลังเขานี้ แต่ก็ต่างแยกไปตามรุ่นของตนเอง เจ้าเพิ่งเข้าเรียนวันนี้ ก็ถือว่าเป็นนักเรียนปีหนึ่งซึ่งเด็กที่สุด ตอนนี้พวกเขาต่างอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเจ้าไปยืนอยู่ตรงนั้นซะ”
ฉู่หลิวเยว่มองตามสายตาเขาแล้วพยักหน้าเข้าใจ
“อาจารย์ไป๋เชิน ให้ข้าพาพี่สาวไปดีกว่า เช่นนี้จะได้สะดวกกว่านะเจ้าคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์