เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 482

เหนือวงแหวน รูปร่างลักษณะแปลกๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าภายในร่างกายของตนเองมีปราณที่กว้างใหญ่และสุดยอดเพิ่มขึ้น

นั่นคือ…อินทรีสามตา

จากนั้นพลังฟ้าดินที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มไหลเวียนเข้ามาในตัวของนางอย่างไร้เสียง!

ความรวดเร็วในการดูดซับนั้นแข็งแกร่งกว่าที่นางฝึกฝนเองหลายเท่าตัวนัก!

ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก แต่นางกลับดูดซับพลังงานนี้แล้วแปลงเป็นปราณของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างก็หยุดชะงัก

ทันใดนั้นวงแหวนนั้นก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมา เงาร่างอินทรีสามตาสีดำตัวหนึ่ง ก็หายเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่!

ฉู่หลิวเยว่สัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามีอันใดบางอย่างที่ต่างออกไป

…ในร่างกายของนาง มีพลังสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

นางค่อยๆ ก้มหน้าลง จากนั้นก็มองมือทั้งสองข้างของตนเอง

ในช่วงเวลาสั้นๆ คาดไม่ถึงว่าพลังของนางจะก้าวกระโดดขึ้นได้มากขนาดนี้! นี่เกือบจะแตะนักรบขั้นสี่แล้ว!

“หากนักรบระดับสามทั่วไปได้ทำพันธะสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ และได้รับพลังเทียมฟ้าเช่นนี้ จะต้องทะลุไปสู่ระดับสูงสุดของขั้นสี่แล้วแน่นอน ไม่แน่อาจจะข้ามไปถึงขั้นห้า แต่คาดไม่ถึงว่าของเจ้ายังไม่ทะลุระดับสามเลย…”

ทันใดนั้นอินทรีสามตาก็พูดขึ้น

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แล้วยักไหล่เบาๆ

ตอนแรกนางคิดว่าสามารถก้าวหน้าไปได้มาก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แต่ว่าปัญหานี้ร่างกายของนาง เดิมทีนางก็รู้สึกชินกับมันเสียแล้ว

“แบบนี้ก็ดี อาศัยแรงจากด้านนอกทะลวงเข้าไปจะได้ผ่านอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะสามารถข้ามขั้นไปอย่างรวดเร็วนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่”

ตอนนี้นางหวังว่าจะสามารถต่อสู้กับคนอื่น เพื่อฝึกฝนพื้นฐานของตนเอง

งานหมื่นทูร…นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง!

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่เก็บของอย่างง่ายๆ แล้วออกจากห้องไป ต้วนจืออวี่กำลังรออยู่ด้านนอกเรือน

เมื่อเห็นเขาแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานนางยุ่งอยู่กับอินทรีสามตาทั้งวันจนลืมเรื่องของมู่ชิงเห่อไปเลย

“รองแม่ทัพมู่กลับมาหรือยัง?” นางถามขึ้น

ต้วนจืออวี่จึงตอบด้วยความเคารพว่า

“รองแม่ทัพกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนดึกแล้ว และออกไปตั้งแต่ครึ่งชั่วยามก่อน”

“ไปแล้ว? มีเรื่องอันใดกันเขาถึงรีบร้อนขนาดนั้น?”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

มู่ชิงเห่อจะยุ่งขนาดนั้นได้อย่างใด?

อาการบาดเจ็บของเขาน่าจะยังไม่หายดีไม่ใช่หรือ?

“เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่ทราบ รองแม่ทัพบอกว่าให้ข้านำทางท่านไปเข้าร่วมงานหมื่นทูร”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะแล้วกล่าวว่า

“เช่นนั้นรบกวนท่านนายพลต้วนแล้ว”

ตอนที่ตื่นมาในตอนเช้า นางพบว่าปีศาจแดงได้ออกไปแล้ว มันจะต้องไปหามู่ชิงเห่ออย่างแน่นอน

ความจริงแล้วนางก็อยากเจอเขาเช่นกัน แต่ตอนนี้คงจะไม่เหมาะสม นางจึงทำได้แค่รอเท่านั้น

“หากครั้งหน้ารองแม่ทัพมู่กลับมาแล้ว รบกวนท่านต้วนแจ้งข้าสักหน่อยนะ ข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับรองแม่ทัพมู่”

เพราะว่าเป็นเรื่องของปีศาจแดง ต้วนจืออวี่จึงปฏิบัติตัวกับฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างสุภาพ

“คุณหนูฉู่วางใจได้เลย”

จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินทางไปที่จตุรัสเสวียนจี

บนถนนสายหลัก มีคนเดินผ่านไปมาคึกคักอย่างมาก

คนส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกัน

ฉู่หลิวเยว่และต้วนจืออวี่ก็ไหลตามฝูงชนไป

แม้ว่าต้วนจืออวี่จะสวมชุดเกราะสีดำ แต่เพราะว่ามีทหารม้าทมิฬกระจายอยู่ทั่วซีหลิง ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นจุดสนใจมากนัก

แต่คนที่เป็นจุดรวมสายตากลับเป็นฉู่หลิวเยว่

ใบหน้าที่งดงามเย้ายวน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็สามารถดึงดูดผู้คนรอบข้างได้อย่างดี

“ผู้หญิงคนนั้นคือใครกันน่ะ? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นในเมืองซีหลิงมาก่อนเลยล่ะ?”

“ความงามเช่นนี้ นางต้องเป็นคนมีชื่อเสียงแน่นอน คิดไปแล้วนางน่าจะเป็นคนที่มาจากด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า เพื่อมาเข้าร่วมงานหมื่นทูรอย่างแน่นอน”

“อ่า! ข้านึกออกแล้ว! นางคือคนที่ชนะการแข่งขันแบบต่อสู้ของเมื่อวานอย่างใดเล่า! เหมือนว่าจะชื่อ…ชื่อ…ใช่แล้ว! ฉู่หลิวเยว่”

คนกลุ่มคนเหล่านั้น มีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่กี่คน!

งานหมื่นทูรในครั้งนี้ เหมือนจะไม่ได้เตรียมเพื่อคนที่มีชีพจรตี้จิงที่อยู่ด้านนอกพรมแดนม่านฟ้าเท่านั้น!

อัจฉริยะบางคนของเมืองซีหลิงก็มาเข้าร่วมด้วย!

ซั่งกวนหว่านวางแผนจะทำอันใดกันแน่?

“คุณหนูฉู่ ข้ามาส่งท่านได้เท่านี้นะขอรับ” ต้วนจืออวี่พูดกระซิบเสียงเบา “ข้าน้อยจะรอท่านอยู่ทางนั้น”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เดินตรงต่อไปด้านหน้า

เมื่อเดินไปที่ขอบของสนาม ทหารสองนายก็ขวางทางนางไว้

“กรุณาแสดงตัวตนของเจ้า”

นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา พร้อมแสดงสร้อยข้อมือให้ทหารทั้งสองนายดู

หลังจากที่ทหารทั้งสองนายตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็ถอยหลังกลับ

“เชิ…”

หลังจากฉู่หลิวเยว่ก้าวขึ้นไปได้ไม่นาน นางก็ได้ยินเสียงกระซิบดังมาจากด้านข้าง

หนึ่งในเสียงนั้น เป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างมาก

นางจึงหันกลับไปมอง

ทันใดนั้นก็เห็นว่ามีคนไม่กี่คนยืนกระซิบกระซาบกัน แล้วชี้มือมาทางนาง

หนึ่งในนั้นคือ จ้าวอวิ๋นจื่อ คนที่ผูกพยาบาทกับนางเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า

เมื่อเขาเห็นว่าฉู่หลิวเยว่มองมา นางไม่เพียงไม่รู้สึกผิด แต่กลับหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงสูงว่า

“คนนั้นไงล่ะ”

คนที่รอบข้างก็แสดงสีหน้าน่ารังเกียจออกมา

“อยู่ระดับสามจริงๆ หรือเนี่ย? เขาใจกล้าขนาดไหนกันเชียว คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าล่วงเกินสำนัก

หลิงอวิ๋นของพวกเรา”

“ดูเหมือนว่าอายุยังไม่เยอะ เป็นแค่คนบ้าเท่านั้นแหละ”

ในแววตาของจ้าวอวิ๋นจื่อมีประกายความภูมิใจอยู่ด้วย นางเดินมาอยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่

“ฉู่หลิวเยว่ ข้าขอท้าเจ้า เจ้ากล้ารับหรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์