เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 483

แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ปฏิเสธ และพร้อมส่งนางไปยังความตายให้เร็วที่สุด

“ยินดีมาก”

จ้าวอวิ๋นจื่อคิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะตกลงง่ายๆ แบบนี้ ก่อนหน้านี้นางเตรียมคำพูดข่มขู่และประชดประชันไว้ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก

นางพูดเสียงเบาว่า

“เจ้านี่ตอบตกลงอย่างบ้าดีเดือดเชียว! อีกเดี๋ยว เจ้าก็จะรู้แล้วว่าจุดจบของการมาล่วงเกินสำนัก

หลิงอวิ๋นเป็นอย่างใด!”

ในแคว้นซีหลิง มีนิกายและสำนักมากมาย

สามารถเรียกได้ว่าสำนักหลิงอวิ๋นเป็นสำนักที่ดีที่สุดในกลุ่มของเหล่านั้น! เขาต้องเป็นสำนักอันดับหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้!

สายตาของฉู่หลิวเยว่กวาดตามองไปยังคนไม่กี่คนที่อยู่ด้านหลัง

ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว มีสัญลักษณ์ปักไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักหลิงอวิ๋น

แต่ว่านางไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากับคนพวกนั้นเท่าไหร่เลย

นอกจากอาจารย์ที่ดูแลสำนักหลิงอวิ๋นและผู้อาวุโสไม่กี่คน ที่นางเคยเห็นหน้ามาบ้าง ศิษย์คนอื่นๆ นางไม่ค่อยได้เห็นเลย

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ จ้าวอวิ๋นจื่อก็คิดว่านางกลัว จึงพูดออกมาอย่างภูมิใจว่า

“ไม่ต้องมองแล้ว ศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีความโดดเด่นที่สุดในรุ่นของสำนักหลิงอวิ๋น! ด้วยฝีมือและความแข็งแกร่งของเจ้า ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าก็ไม่สามารถมาเทียบเคียงพวกเขาได้หรอก! หากครั้งนี้ข้าไม่โน้มน้าวพวกเขา เกรงว่าพวกเขาคงจะลงมือแทนข้าไปนานแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นจะเกรงว่าเจ้าคงลงจากสนามในสภาพไม่ดีนัก”

นางขยับตัวเข้ามาใกล้ นางจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่แล้วหัวเราะเสียงเย็น

“ไม่ต้องขอบคุณนะ เพราะข้าจะจัดการด้วยตนเองก็เท่านั้น!”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

จ้าวอวิ๋นจื่อคนนี้ เหมือนว่าจะอ่อนโยนไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ในใจกลับโหดเหี้ยมน่าดู…

แต่น่าเสียดายที่สมองของนางน่าจะมีปัญหาเล็กน้อย

ก่อนหน้าที่ตอนที่อยู่ชายแดนเหนือ เฉินซีหยวนก็โดนเจี่ยนเฟิงฉือโจมตี ต่อให้พวกเขาไม่รู้จักเจี่ยนเฟิงฉือแต่ก็ควรจะตรวจสอบอีกฝ่ายก่อนที่จะตอบตกลงลงมือต่อสู้

ยิ่งไปกว่านั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็เป็นคนที่มีใบหน้างดงามโดดเด่น แค่สืบไม่นานก็น่าจะรู้ได้แล้ว

แต่เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่พวกเขากลับมาที่ซีหลิงแล้ว เขาไม่มีการถามไถ่สักนิดเดียว

หรือพวกเขาคิดว่า แค่อาศัยสำนักหลิงอวิ๋น ก็คิดว่าไร้เทียมทานแล้วหรือ?

สำนักหลิงอวิ๋นก็ไม่เลว แต่ในซีหลิงแห่งนี้ ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก

“ข้าจะรออย่างใจจดใจจ่อเชียว”

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยังมีทิฐิสูงตั้งแต่ต้นยันจบ ในใจของจ้าวอวิ๋นจื่อก็รู้สึกโมโหอย่างมาก นางพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มาสู้กับข้า! การแข่งขันรอบแรก ข้าเลือกเจ้าแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น

“การแข่งขัน?”

“หา! เรื่องที่สำคัญขนาดนี้เจ้ายังไม่รู้หรือเนี่ย?!”

จ้าวอวิ๋นจื่อเบิกตากว้างพร้อมหัวเราะขึ้นและพูดอย่างประชดประชันออกมา สายตาที่มองฉู่หลิวเยว่ เต็มไปด้วยคำดูถูก

“อาจจะเป็นเพราะระดับของเจ้านั้นต่ำเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการจะบอกเจ้าเรื่องนี้?”

ฉู่หลิวเยว่หันไปมองรอบๆ ด้าน ก็พบว่าตรงกลางสนามนั้นมีชายชราสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่สองคน ด้านหน้าของพวกเขานั้น มีกระดานหินหยกสีดำแผ่นใหญ่ตั้งอยู่

เมื่อมองดีๆ แล้ว ที่แท้ตัวอักษรที่อยู่ด้านบนนั้นล้วนเป็นชื่อคนเรียงต่อกัน

ชื่อพวกนั้นเรียงกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคน ทำเป็นป้ายแผนผังเรียงลำดับการต่อสู้

ด้านหน้าของกระดานหยกนั้น ก็มีผู้คนยืนกันอยู่เป็นจำนวนมาก กลุ่มละสองคน ราวกับว่ากำลังรอให้ชายชราผู้นั้นเขียนชื่อพวกเขาลงไป

“การแข่งขันรอบแรกคือ…แข่งกันสองคน?” ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาแล้วถามขึ้น

“แน่นอนอยู่แล้ว! อีกทั้งนี่แค่รอบคัดเลือก! หลังจากรอบนี้ไปจะเป็นการแข่งขันที่แท้จริง! คนที่ตกรอบในรอบนี้ ก็จะถูกไล่ออกโดยตรง”

ดังนั้นจ้าวอวิ๋นจื่อจึงตั้งใจจะเหยียบฉู่หลิวเยว่ให้จมดินตั้งแต่รอบแรก!

“เหตุใด เจ้าไม่กล้าหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ

“มีอันใดที่ไม่กล้ากัน? ไปก็ไปสิ”

เมื่อพูดจบนางก็เดินไปที่กลางสนามทันที

เมื่อจ้าวอวิ๋นจื่อเห็นท่าทีที่ผ่อนคลายของนาง จ้าวอวิ๋นจื่อก็คิดในใจว่า ‘ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะเสแสร้งได้นานเท่าใด’

ที่กลางสนาม เหมือนว่าทุกคนจะยืนไปเรื่อยเปื่อย แต่ว่าความจริงแล้วพวกเขากำลังสำรวจความแข็งแกร่งของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครรู้ว่าในการแข่งขันรอบหน้า ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนเอง

ศึกษาเสียหน่อยก็ไม่ได้เสียหาย

เมื่อฉู่หลิวเยว่กับจ้าวอวิ๋นจื่อเดินผ่านไป ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อยเลย

แม้ว่าต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสของราชสำนัก แต่เขาก็ดูแลสำนักหลิงอวิ๋นเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

เมื่อเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้ารู้จักชื่อของเขา ผู้อาวุโสชิวซีก็พอใจมากขึ้น

มุมปากของฉู่หลิวเยว่ก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เฉินซีหยวนและจ้าวอวิ๋นจื่อมาถึงซีหลิงช้ากว่านาง นางเพิ่งมาถึงเมื่อวานตอนเย็น แต่จ้าวอวิ๋นจื่อ

กลับรู้กติกาของการแข่งขัน แม้กระทั่งผู้อาวุโสที่คุมการแข่งขันก็ยังรู้จัก

เหมือนว่านางไม่ได้ลงแรงอันใดเลย

“เจ้าอยู่กลุ่มเดียวกับใคร?” ผู้อาวุโสชิวซีถามขึ้น

จ้าวอวิ๋นจื่อยิ้มหวานจากนั้นก็ผายมือไปยังฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“นางเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่เป็นเพียงนักรบขั้นสาม รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสชิวซีก็จางลงเล็กน้อย

“ก่อนหน้านี้นางทำอย่างใด เจ้าก็ทำตามนั้นก็แล้วกัน”

ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจท่าทีเมินเฉยของอีกฝ่าย นางก้าวขึ้นไปด้านหน้าแล้ววางไข่มุกลงไปในหลุม

แสงจางก็ปรากฏออกมา

ในที่สุดด้านข้างของชื่อจ้าวอวิ๋นจื่อ ก็มีชื่อของนางปรากฏขึ้น

…ฉู่หลิวเยว่!

หลังจากนั้นไม่นานก็มีตัวอักษรเล็กๆ ที่ด้านล่างปรากฏออกมา

ภูเขาเขี้ยวมังกร เจี่ยนเฟิงฉือ

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

ไม่ถูกสิ มู่ชิงเห่อต่างหากที่เป็นคนพานางมา เหตุใดตอนนี้ถึงเป็นชื่อเจี่ยนเฟิงฉือ…

เมื่อวานหลิ่วสิงอีไม่ได้ถามนางด้วยซ้ำ!

เขาจะต้องเข้าใจว่านางถูกเจี่ยนเฟิงฉือพามาแน่ๆ

แต่จ้าวอวิ๋นจื่อที่อยู่ข้างๆ กลับชะงักไป

เจี่ยนเฟิงฉือ…

เจี่ยนเฟิงฉือ…นายน้อยภูเขาเขี้ยวมังกร เขาที่อยู่ในข่าวลือของซีหลิงนั่นน่ะหรือ!?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์