ฉู่หลิวเยว่สบสายตาอีกฝ่าย และยิ้มอย่างนุ่มนวล
“อืม หวังว่าคราวนี้ เจ้าจะได้ชมอย่างมีความสุขนะ”
ร้อยยิ้มอวดดีบนใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์ชะงักไปทันที
เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงยังนิ่งนอนใจได้อีก?
นางลดเสียงลง แล้วพูดว่า
“ถึงเจ้าจะทำทีจองหอง แต่มาดูกัน ว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน!”
นางแทบไม่อยากจะเชื่อว่า กระทั่งเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ยังคงสงบนิ่งได้อีก!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
“เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ นางก็หมุนตัวเดินตามสองคนก่อนหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“หลิวเยว่”
ทว่าอวี้ฉือซงกลับเอ่ยเรียกนางด้วยความกังวล
หยางเซิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่คนดี และดูเหมือนว่านางจะมาเพื่อหาเรื่องฉู่หลิวเยว่โดยเฉพาะ
เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง…และความจริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้นในนั้นกันแน่?
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับอย่างปลอบประโลม
“ท่านวางใจเถิด ข้ากับเสี่ยวโจวจะไม่เป็นอันใด”
เมื่อเห็นสีหน้าอันแน่วแน่และสงบของแม่นางที่อยู่ตรงหน้าเขา หัวใจของอวี้ฉือซงก็สงบลงเช่นกัน
“อย่างใดก็ระวังตัวด้วย ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ตรงนี้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าและจากไปพร้อมกับเชียงหว่านโจว
และเมื่อหยางเซิ่นเอ๋อร์เห็นภาพนี้ นางก็เริ่มสองจิตสองใจขึ้นมา
หรือฉู่หลิวเยว่จะเตรียมหาทางหนีทีไล่มาแล้ว?
“มัวยืนทำอันใดของเจ้า?”
หนิงเจียวเจียวเดินเข้ามา ก่อนจะสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์ พลันเอ่ยปากถาม
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงกันไว้แล้วหรอกหรือ?
หยางเซิ่นเอ๋อร์เหลือบมองหนิงเจียวเจียวแวบหนึ่ง และรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่มีอันใด ไปกันเถอะ”
…
ภายในห้องอันเงียบสงบ กลิ่นของไม้จันทน์หอมลอยอบอวลไปในอากาศ
มันเป็นไม้จันทน์หอมชนิดหนึ่งที่ซั่งกวนหว่านชอบมากๆ เพราะมันสามารถช่วยทำให้จิตใจของนางสงบลงได้
ทุกครั้งที่นางรู้สึกกระสับกระส่าย หรือยามที่นอนไม่หลับในตอนกลางคืน เพียงแค่จุดไม้จันทน์นี้เล็กน้อย จิตใจของนางก็จะผ่อนคลาย และสงบลงจนแทบไม่เหลือความกังวลในใจ
แต่วันนี้ดูเหมือนว่ากลิ่นหอมนั้นจะไร้ประโยชน์
เพราะแม้ว่ากลิ่นหอมจะลอยเข้าไปในโพรงจมูกของนาง ทว่าความไม่สบายใจและความรู้สึกหดหู่ของนางกลับก็ไม่สงบลงเลย
ในทางกลับกัน มันยิ่งรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมาเป็นไหนๆ
นางกับเจียงอวี่เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง ส่วนฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาไม่ไกลนัก
ซั่งกวนหว่านมองไปที่หยางเซิ่นเอ๋อร์ด้วยท่าทางที่สง่างาม
“ตอนนี้เจ้าสามารถพูดได้แล้ว”
หยางเซิ่นเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับใช้ความพยายามอย่างมากในการตัดสินใจพูด
“องค์หญิงสามเพคะ ข้าผู้เป็นตัวแทนขอรายงานว่า ขณะที่อยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง ฉู่หลิวเยว่ได้ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจแตะต้องกระบี่หลงหยวนลงเพคะ!”
สิ้นประโยค ซั่งกวนหว่านก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจและโกรธา
“เจ้าว่าเช่นไรนะ!?”
เจียงอวี่เฉิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน และนานกว่าเขาจะดึงสติตัวเองกลับมาได้
กระบี่หลงหยวน…
เจ้าหมายถึงกระบี่หลงหยวนอย่างนั้นหรือ!?
มันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่จักรพรรดิไท่จู่แห่งราชวงศ์เทียนลิ่งในยุคนั้น หล่อหลอมขึ้นเองกับมือเลยมิใช่หรือ?
หยางเซิ่นเอ๋อร์คุกเข่าลงอย่างแรงจนได้ยินเสียง “ตุบ” ดังชัดเจน
“องค์หญิงสามเพคะ! ฉู่หลิวเยว่นั้นมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย แต่นางกลับกล้าที่จะหยิบกระบี่หลงหยวน อันเป็นสมบัติของราชวงศ์เทียนลิ่ง! พฤติกรรมเช่นนี้ควรได้รับการลงโทษ! สิ่งที่ข้านั้นพูดเป็นความจริง! ไม่มีการใส่สีตีไข่แต่อย่างใด! ได้โปรด องค์หญิงสามโปรดทราบ!”
ประโยคที่เอ่ยออกมาง่ายดายเช่นนี้ เปรียบเสมือนสายฟ้า! ที่ฟาดลงมากลางใจของคนฟังดังเปรี้ยง!
ซั่งกวนหว่านขมวดคิ้วแน่น
การที่กระบี่หลงหยวนฟื้นขึ้นมา นั่นหมายความว่าถึงเวลาในการเลือกผู้ถือครองคนใหม่แล้ว!
เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่ราชวงศ์เทียนลิ่งพยายามเชิญจิตวิญญาณของกระบี่หลงหยวน แต่พวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ!
และคิดไม่ถึงว่า เพียงแค่เริ่มงานหมื่นทูร กระบี่หลงหยวนจะถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล!
ซั่งกวนหว่านตื่นเต้นจนรู้สึกมวลท้องมวลไส้ไปหมด!
“ว่าต่อสิ!”
หนิงเจียวเจียวคุกเข่าและพูดต่อ
“เพคะ องค์หญิงสาม หลังจากที่โฉวติ่งจากไป ข้าก็ได้พูดคุยกับหยางเซิ่นเอ๋อร์ และก้าวเข้าไปดูพร้อมกัน เพื่อตัดสินว่าผู้ใดจะสามารถสัมผัสกระบี่หลงหยวนได้ ซึ่งขณะที่เราทั้งคู่กำลังก้าวออกไป จู่ๆ เชียงหว่านโจวก็ไล่ตามมา และพวกเราก็ ต่อสู้”
“ในตอนนั้น เราทั้งคู่ต่างสับสนมาก เพราะพวกเราไม่ได้มีความคับข้องใจ หรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับเชียงหว่านโจวเลย แล้วเหตุใดเขาจึงรีบออกมาหยุดพวกเราไว้เช่นนั้น แต่ต่อมาข้าก็ตระหนักได้ว่า จริงๆ แล้วคนที่ต้องการครอบครองกระบี่หลงหยวนนั้น คือฉู่หลิวเยว่ต่างหาก!”
ทั้งซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงต่างหันมองเชียงหว่านโจวเป็นตาเดียว
ใช่แล้ว!
ใครๆ ต่างก็ดูออกว่าเชียงหว่านโจวกับฉู่หลิวเยว่สนิทสนมกันเพียงใด หรือพูดได้ว่า เชียงหว่านโจวนั้นยอมทำตามคำสั่งของหลิวเยว่ทุกอย่าง
และนอกจากฉู่หลิวเยว่แล้ว ยังจะมีใครสั่งชายผู้นี้ได้อีกหรือ?
“ต่อมา ข้าก็ได้ต่อสู้กับเชียงหว่านโจว แต่ไม่นานข้าก็แพ้ และถูกกำจัดออกจากอาณาเซียนเทพ ทว่าหลังจากที่ข้าออกมาแล้ว ก็บังเอิญไปเห็นชื่อของฉู่หลิวเยว่ที่ยังคงอยู่บนแผ่นหยกสีดำ ข้าจึงเดาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จักต้องเป็นฉู่หลิวเยว่”
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านมืดมนลงทันตา
และเมื่อเห็นภาพนั้น หยางเซิ่นเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ไม่ผิดจากที่นางเดาไว้ กระบี่หลงหยวนที่สถิตอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรจริงๆ
ผู้ใดมันกล้าแตะต้อง ย่อมพบเจอกับความตาย!
และเพราะฉู่หลิวเยว่อวดดีกล้าแตะต้องกระบี่หลงหยวน สุดท้ายนางจึงต้องน้อมรับความโกรธแค้นและการลงทัณฑ์จากราชวงศ์!
นางรีบเสริมต่อทันที
“หลังจากหนิงเจียวเจียวถูกกำจัด ข้าก็คิดจะสู้กับคนๆ นั้นบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับส่งอสูรศักดิ์สิทธิ์มาจัดการกับข้า และถ้าข้าดูไม่ผิด… มันคือ อินทรีสามตา อสูรเทพในตำนาน!”
“แต่ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่น ข้าพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเชียงหว่านโจวเองก็ไล่ตามมาฆ่าข้าด้วย ตัวข้าเพียงลำพังนั้นไม่สามารถรับมือกับสองสิ่งในเวลาเดียวกันได้ สุดท้ายข้าจึงถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว เชียงหว่านโจวแทงทะลุหน้าอกของข้า และตอนนี้แผลนั่นก็ยังอยู่”
น้ำเสียงของหยางเซิ่นเอ๋อร์สั่นเครือเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังลึกๆ แวบเข้ามาในดวงตาของนาง
“แต่ในขณะที่ข้ากำลังออกจากอาณาเขตเซียนเทพ ข้าก็เห็นคนๆ นั้นดึงกระบี่หลงหยวนออกมาจากฐานแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...