สวนสมุนไพรที่ครั้งหนึ่งเคยหนาแน่นและเขียวชอุ่ม ได้กลายเป็นดินแดนที่แห้งแล้งอย่างแท้จริง
ทุกสายตาเมื่อชำเลืองมองพื้นดินสีแดงแห้งกรังจนเกิดการแตกร้าวด้านล่าง มันเหลือเพียงสมุนไพรที่แห้งตายบางส่วนเท่านั้น
กลิ่นขมจางๆ ลอยปะปนอยู่ในอากาศ
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองสวนสมุนไพรตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“เพราะอันใด…มันถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้…”
เมื่อครู่ตอนที่นางได้ยินลู่เจือเหยาบอกว่า สถานที่แห่งนี้ก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่ตอนนั้นนางไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ทว่าพอมาเห็นกับตาตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามันสาหัสขนาดไหน!
สวนสมุนไพรที่ชงซูเก๋อเฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมเป็นเวลาหลายปี ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ภายในชั่วข้ามคืน!
ลู่เจือเหยาถอนหายใจเบาๆ
“ตอนที่เกิดเรื่อง พวกเขากับท่านอาจารย์ออกไปทำภารกิจนอกภูเขา เลยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้น และพอกลับมา ก็เห็นเพียงสภาพที่พังพินาศของสวนสมุนไพร…ความจริงแล้วจะมีคนคอยเฝ้าดูแลสวนแห่งนี้เป็นประจำ แต่วันนั้นฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามาหลายคน เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นไตร่ตรองวางแผนเรื่องการฆ่าคนเฝ้ายามและทำลายสวนมาอย่างดี…”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ถือเป็นการก่อการร้าย ที่ร้ายแรงเกินรับมือสำหรับชงซูเก๋อ
ฉู่หลิวเยว่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ดูเหมือนว่าสวนสมุนไพรนี่จะครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่มาก แต่กลับถูกทำลายได้ในชั่วข้ามคืน…บางที ฝั่งนั้นอาจจะใช้วิธีพิเศษบางอย่าง?”
“พวกเราเองก็ยังสงสัยไม่หาย แต่จนถึงวันนี้ เราก็ยังหาคำตอบนั้นไม่ได้ และรู้แค่ว่าเราปลูกอันใดบนที่ดินตรงนี้ไม่ได้แล้ว และมันก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง…”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าไปด้านหน้า
แต่เย่หรานหร่านกลับคว้าตัวนางไว้
“หลิวเยว่! นั่นเจ้าคิดจะทำอันใด!? สวนสมุนไพรแห่งนี้ถูกปิดตายแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้! ถึงเจ้าสำนักเก๋อจะไม่รู้ แต่ถ้าข้างในมีสิ่งอันตรายซ่อนอยู่เล่า?”
ฉู่หลิวเยว่ลูบมืออีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
“วางใจเถอะ ข้าแค่สงสัยแล้วอยากเข้าไปดูใกล้ๆ เฉยๆ”
“มีอันใดน่าดูด้วยหรือ?” เย่หรานหร่านกล่าวอย่างขมขื่น “เจ้าสำนักเก๋อและท่านอาจารย์ได้ตรวจสอบหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่พบอันใด เจ้าคิดว่าจะเจออันใดหรือ? ข้าว่าพวกเรารีบกลับกันเถอะนะ?”
ลู่เจือเหยาเองก็ไม่เห็นด้วย
“เมื่อครู่เราตกลงกันแล้วว่าจะมาดูเท่านั้น ศิษย์น้องหญิงเอ๋ย เจ้าคงไม่ผิดคำพูดหรอกนะ”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางแค่คิดว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้มีพิรุจบางอย่าง และอยากจะเข้าไปใกล้ๆ เพื่อตรวจสอบดู
แต่สองคนนี้กลับห้ามไม่ให้นางเข้าไป
ทว่าขณะเดียวกัน เชียงหว่านโจวที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ มาตลอด กลับเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกไปแทน
“ไอ้หยา หว่านโจว!”
เย่หรานหร่านและลู่เจือเหยาต่างตกอกตกใจ
พวกเขามัวแต่ห่วงฉู่หลิวเยว่ จนลืมไปเลยว่ายังมีเขาอยู่อีกคน!
แต่กว่าจะรู้ตัว เชียงหว่านโจวก็เดินไปถึงหน้าสวนสมุนไพรแล้ว!
บนรั้วเหล็กที่หักพัง มีแม่กุญแจเหล็กที่ขึ้นสนิมแขวนอยู่ และคราบเลือดสีแดงเข้มที่มองเห็นได้จางๆ
ทำให้คนมองสามารถจินตนาการได้ถึงการต่อสู้อันน่าสลดที่เกิดขึ้นที่นี่
เมื่อก่อนสวนสมุนไพรแห่งนี้เคยมีค่ายกลพิเศษคอยป้องกันอันตรายรอบๆ สวน แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้พังทลายไปหมดแล้ว
อีกทั้งประตูพังๆ หนึ่งบาน ก็ไม่สามารถหยุดรั้งผู้บุกรุกได้
เชียงหว่านโจวยืดตัวขึ้นแล้วกระโดดเข้าไปทันที!
ลู่เจือเหยากับเย่หรานหร่านหน้าซีดเผือด
นั่นเชียงหว่านโจวเข้าไปด้านในจริงๆ หรือ!
คราวนี้พวกเขาจะอธิบายกับเจ้าสำนักเก๋ออย่างใดดี?
และในขณะที่ทั้งสองคนกำลังตะลึงงัน ฉู่หลิวเยว่ก็ขยับเท้า พลันแยกตัวออกจากวงล้อมของทั้งสอง และรีบวิ่งไปที่ประตูเหล็ก
“หลิวเยว่! อย่า…”
เย่หรานหร่านพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นร่างของฉู่หลิวเยว่กระโดดเข้าไปด้านในเป็นที่เรียบร้อย
จบกัน!
สองคนนั้นเข้าไปข้างในแล้ว!
ใบหน้ากลมๆ ของเย่หรานหร่านแดงเถือก
“ละ แล้วเราจะทำอย่างใดกันดี?”
ลู่เจือเหยากัดฟันกรอด
“เจ้ารออยู่นี่ ข้าจะเข้าไปเอง!”
ในเมื่อสองคนนั้นไปแล้ว จะให้พูดอันใดตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ เขาต้องปกป้องสองคนนั้นจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น!
เย่หรานหร่านพยักหน้ารับอย่างกังวล
และยิ่งเข้าใกล้ที่ดินตรงนั้น กลิ่นพิษนั่นก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายของเชียงหว่านโจวนั้นได้สะสมพลังปราณอันเย็นเยียบและชั่วร้ายมาหลายปี พิษธรรมดาจึงไม่มีผลกับเขา
และในตอนที่นางกลับมาเกิดใหม่ นางก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการซ่อมแซมชีพจรดั้งเดิมของตัวเอง เพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม
ซึ่งบางทีอาจเป็นเพราะพลังของหยดน้ำด้วย การฟื้นตัวของนางจึงดีกว่าที่คาดไว้มาก
แม้ว่าอิทธิฤทธิ์ของมันจะไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน แต่ก็มากพอที่จะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ได้
แต่น่าเสียดายที่นางยังระบุไม่ได้ว่ามันคือพิษอันใด
ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปข้างใน นางก็ค้นหาบนพื้นอย่างระมัดระวัง และพยายามหาเบาะแสบางอย่าง
ทว่าเมื่อเดินพักหนึ่ง นางก็หยุดฝีเท้าและโค้งตัวลง
ที่เท้าของนางมีโสมเหี่ยวแห้งอยู่ต้นหนึ่ง
รากและใบที่เหี่ยวเฉาเปลี่ยนเป็นสีแดงและม้วนงอเล็กน้อย
นางยกมือขึ้นมาแล้วใช้พลังปราณสร้างม่านพลังห่อหุ้มฝ่ามือไว้ ก่อนจะดึงต้นโสมออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่บริเวณโคนต้น มีเส้นสีแดงเหมือนเส้นขนกระจายทั่ว และลามไปตามหลังใบ
แต่ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่เห็นเลย
“นี่มันอันใดกัน…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำด้วยเสียงต่ำ
สาเหตุที่โสมต้นนี้เหี่ยวแห้ง เพราะเส้นสีแดงนี่หรือเปล่านะ?
นางเดินไปด้านข้างและดึงเถาวัลย์เมฆหิมะอีกต้นหนึ่งออกมา
ที่รากของมันก็มีเส้นสีแดงเหมือนกัน
“ข้างใต้นี้มีทรายผสมอยู่”
จู่ๆ เชียงหว่านโจวก็โพล่งขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้า แล้วถามอย่างสงสัย
“เจ้าจะพูดอันใด?”
เชียงหว่านโจวชี้สิ่งที่อยู่ในมือของนาง
“เส้นสีแดง นั่น เกิดมาจากทรายรวมศูนย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...