เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 616

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ นางไม่สามารถมองเห็นความหมายในแววตาของเขาได้เลย จึงเลือกที่จะไม่ยั่วโมโหเขาต่อไป

หรงซิวถอนหายใจออกมาเบาๆ

เมื่อไม่เห็นหน้าก็คิดถึง แต่ตอนที่เห็นหน้า…ความคิดถึงกลับไม่ลดลงเลยสักส่วน แต่กลับเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ต่อให้นางอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ยังรู้สึกคิดถึงนางมากเหลือเกิน

เขานั่งลง จากนั้นก็ดึงฉู่หลิวเยว่ให้มาอยู่ในอ้อมกอด แล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง เกยคางไว้บนไหล่ของนางเบาๆ

ฉู่หลิวเยว่หันมองไปที่ด้านข้างของเขา

หลังจากที่ไม่ได้เจอกันสักพักหนึ่ง เหมือนว่าเขาจะผอมลงไปนิดหน่อย…

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่งเรื่องอันใดอยู่?

“หรงซิว…ที่เจ้ามาในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าจะอยู่ที่ซีหลิงนานเท่าไหร่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นพร้อมจับมือเรียวยาวของเขาขึ้นมาเล่นอีกด้วย

หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังคงแหบแห้งและแฝงด้วยความเกียจคร้าน

“…ยังไม่รู้…”

ยังไม่รู้?

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

แต่ในตอนที่นางกำลังจะถามต่อ แต่หรงซิวก็พูดขึ้นมาว่า

“เชียงหว่านโจวผู้นั้น…ก่อนหน้านี้เจ้ารู้จักเขาได้อย่างใด? ดูๆ ไปแล้ว เหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเจ้ามาก”

ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น

“เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นล่ะ?”

หรงซิวขมวดคิ้วแน่น

“เมื่อเขาได้ยินว่าข้าต้องการมาพบเจ้า เขาก็ทำตัวเหมือนได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้าย…ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเจ้ามาถึง ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยนชิงลากออกไป เขาจะต้องยืนอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน…”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้น

แม้ว่าบางคนจะดูเหมือนเป็นลมที่พัดอย่างเงียบสงบ แต่ว่า…นี่มันกลิ่นเปรี้ยวชัดๆ! (หมายถึง หึงมาก)

“ตอนนี้เขาเป็นผู้ติดตามของข้า ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องของข้ามากเป็นพิเศษ เด็กคนนั้นเป็นคนสมองทึ่ม เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นก็จูบที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ

“ก่อนที่เขาจะได้รู้จักกับเจ้า แน่นอนว่าเขาจะต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก แต่หลังจากที่เขาได้รู้ฐานะของเจ้าแล้ว เขาจะต้องไม่ทำตัวเช่นนั้นแน่นอน!”

หรงซิวกลอกตา คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“อ่า? ฐานะของข้าคืออันใดงั้นหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่มองสีหน้าของเขา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“อ่า…เป็นคู่หมั้นไง…”

รอยยิ้มของหรงซิวก็กว้างขึ้น

“งั้นหรือ? แต่หลังจากที่ข้ามาที่ซีหลิงแล้ว เหมือนว่าข้าจะได้ยินข่าวลือบางอย่างเข้า…”

ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องอันใด นางจึงพูดด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า

“เจ้าก็รู้แล้วนี่นา ว่ามันคือข่าวลือ…ข้าเองก็ไม่รู้ว่าด้านนอกลือกันไปถึงไหนบ้างแล้ว…”

เดี๋ยวก็เจี่ยนเฟิงฉือ อีกเดี๋ยวก็มู่ชิงเห่อ

หลังจากที่นางได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว นางก็ไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่ เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

แต่เมื่อดูไปแล้ว เหมือนว่าจะมีคนบางคนกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่…

นางหมุนตัวกลับไป สายตาของนางเต็มไปด้วยการหยอกล้อ

“หากเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะกลับไปล้างมลทินดีหรือไม่?”

หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นมองหน้านาง แววตามีความเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน พร้อมพูดเสียงเรียบว่า

“ไม่ต้อง”

ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าตกใจ

เห็นได้ชัดว่าหรงซิวใส่ใจเรื่องนี้อย่างมาก การที่นางไปล้างมลทินนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เปลืองแรงมากเท่าไหร่ เหตุใดอีกฝ่ายถึงบอกว่าไม่ต้องล่ะ?

หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย ริมฝีปากบางก็ยกยิ้มขึ้น

“ข้ามีแผนของข้าแล้ว”

เขาใส่ใจเรื่องนี้มากจริงๆ แต่เขาก็รู้สถานการณ์ในซีหลิงเป็นอย่างดี

แม้ว่าเบื้องหน้านางจะมีชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์

แต่ความจริงแล้ว นางก็ได้ดึงดูดความอิจฉาริษยาเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่ที่กำลังจับจ้องนางอยู่ในมุมมืด

การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้มีปัญหาที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้นมา

ยิ่งไปกว่านี้ ตอนนี้ฐานะของนางในซีหลิงก็ยังไม่สูงเท่าไหร่

หากตั้งใจออกไปทำเรื่องเช่นนั้น จะเห็นได้ชัดว่านางตั้งใจออกไปสร้างสถานการณ์มากกว่า

ไม่ว่าอย่างใดเขาก็มองว่าไม่เหมาะสม

ดังนั้นเรื่องนี้ ให้เขาเป็นคนจัดการมันจะดีกว่า…

ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าเขามีแผนอยู่ในใจ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เกียจคร้านของเขา นางจึงไม่กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป

จากนั้นนางก็พูดเรื่องที่นางได้พบเจอหลังจากที่มาซีหลิงแล้ว หรงซิวเองก็ตั้งใจฟังอย่างอ่อนโยน

ความจริงแล้วเรื่องเหล่านี้เขาก็รู้มาทั้งหมดแล้ว

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีฝีมือและโชคหรือไม่?”

หลังจากที่ประมือกันไปแล้ว เขาก็เริ่มมองเชียงหว่านโจวไม่เหมือนเดิม เขาต้องยอมรับว่าเด็กหนุ่มคนนี้ มีพรสวรรค์เป็นเลิศจริงๆ

ขอเพียงได้รับการเลี้ยงดูและฝึกฝนอย่างดี เขาจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน!”

เมื่อมีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายคุณหนูฉู่ ถือว่ามีคุณสมบัติที่จะเป็นมือขวาของนาง แต่ว่า…ทางด้านของนายท่าน…

ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่เดินออกมาพอดี

เยี่ยนชิงและเชียงหว่านโจวจึงหันไปมองทางพวกเขาทันที

“นายท่าน คุณหนูหลิวเยว่” เยี่ยนชิงโค้งตัวทำความเคารพ

สายตาของเชียงหว่านโจวกวาดมองไปทางพวกเขาทั้งสอง ในที่สุดสายตาก็หยุดลงที่มือของทั้งสองคนที่จับกันไว้แน่น

ฉู่หลิวเยว่โบกมือเรียกเชียงหว่านโจว

“เสี่ยวโจว มานี่สิ”

เชียงหว่านโจวเดินไปที่ด้านหน้าของนางอย่างเชื่อฟัง

ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งครั้ง

“หรงซิวคือคู่หมั้นของข้า ต่อจากนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องระแวดระวังเขาขนาดนั้น หากเขามาที่นี่อีก เจ้าก็ปล่อยให้เขาเข้ามาก็พอแล้ว”

เชียงหว่านโจวไม่พูดอันใด

“เสี่ยวโจว?” ฉู่หลิวเยว่เรียกเขาอีกครั้ง

ในที่สุดเชียงหว่านโจวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“เข้าใจแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ความจริงแล้ว นางก็รู้ว่าเชียงหว่านโจวหวังดีกับนาง แต่เขาก็มีนิสัยเก็บตัว ยากที่จะเชื่อฟังใคร บางครั้งจึงเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่หลังจากนี้นางก็ต้องค่อยๆ สอนอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ

“จริงสิ ช่วงนี้หรงซิวจะเข้าไปอาศัยที่จวนของข้าในเมืองซีหลิง ข้าจะพาเขาเข้าไปดูเสียก่อน”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น และเตรียมตัวจะพาหรงซิวออกมา

เชียงหว่านโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตามไป เขากลับเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า แล้วหมุนตัวกลับห้องของตนเอง

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินออกมา แล้วเข้าไปในห้องของฉู่หลิวเยว่

หัวใจของเยี่ยนชิงสั่นสะท้าน สัญญาณระวังภัยก็ตื่นตัวขึ้น

แต่เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปทันที

ในมือของเชียงหว่านโจวนั้น มี…

เศษผ้าผืนหนึ่ง?!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์