ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 62

ฉู่เซียนหมิ่นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับความรักความเมตตาจากองค์ชายรัชาทายาท

องค์ชายทรงโปรดนา แต่น้อยนักที่จะใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้กับนาง และนางยัง…ได้ยินด้วยว่าน้ำเสียงเจือความเอ็นดูขนาดไหน

โดยเฉพาะต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้

นี่หมายความว่า องค์ชายรัชทายาททรงตัดสินพระทัยว่าจะอภิเษกกับนางเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่

ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกดีใจและสะใจพร้อมกัน รอยยิ้มของนางที่เผยออกมาก็ยิ่งหวานหยดย้อย

“เช่นนั้นหมินหมิ่นต้องขอบพระทัยพี่จิ้นตอนนี้ล่วงหน้าก่อนเพคะ”

หรงจิ้นพยักหน้าแล้วกวาดสายตามองผ่านฉู่หลิวเยว่แวบหนึ่งก็เห็นว่านางเดินเข้าไปในสนามแล้ว ราวกับว่าไม่แยแสเรื่องทางนี้เลยสักนิด และไม่เป็นห่วงเป็นใยเขาเลยแม้แต่เศษเสี้ยว

หรงจิ้นเม้มริมฝีปาก และไฟแห่งความโกรธก็ลุกไหม้ในใจโดยมิทราบสาเหตุ

ไหนบอกว่าก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่แอบชอบเขามิใช่หรือ ทำไมตอนนี้ถึงได้แสดงท่าทีเช่นนี้

อดีตเขาแค่รังเกียจนาง สัญญาหมั้นหมายระหว่างพวกเขาทั้งสองเหมือนภูเขาหนักอึ้งที่ทับบนอก ทำให้เขากลุ้มใจยิ่งนัก

แต่เวลานี้สัญญาหมั้นหมายได้ยกเลิกไปแล้ว นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีก แม้กระทั่งหางตาก็ยังไม่อยากมอง แต่เขากลับรู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติ แล้วก็ยังรู้สึก…อึดอัดเล็กน้อยอีกด้วย

เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ ทำอย่างไรก็ไม่หาย เขาหงุดหงิดมาตั้งแต่ต้น

หรงจิ้นถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปมองฉู่เซียนหมิ่นอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกน่าเบื่อไร้อารมณ์

แต่ฉู่เซียนหมิ่นกลับไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหรงจิ้นเลย จากนั้นนางจึงหันตัวเดินไปที่สนามแข่งขันเช่นกัน

ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน

บรรยากาศเริ่มอึมครึมขึ้นมาทันที

“ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับพี่เลย คิดไม่ถึงว่าพี่จะมีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์ หากคนในตระกูลทราบจะต้องดีใจแน่นอน”

ฉู่เซียนหมิ่นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับว่านางรู้สึกยินดีจากใจจริง

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย

นี่มันหมายความว่าอย่างไร

ไม่มีคนในตระกูลฉู่สักคนรู้เรื่องที่ฉู่หลิวเยว่มีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์เลยหรือ

เช่นนั้นนางเริ่มเรียนการเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร และนางได้อันดับสองในการแข่งขันท่ามกลางนักเรียนดีเด่นมากมายได้อย่างไร

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกเขาก็รู้ข่าวนี้เองแหละ พวกเขาจะดีใจหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ดูเหมือนน้องสามจะไม่ดีใจเลยนี่”

คำพูดของฉู่หลิวเยว่ตรงไปตรงมา และนางก็ไม่ได้อยากแสร้งเป็นพี่สาวที่แสนดีตั้งแต่แรก

ฉู่เซียนหมิ่นคุมสีหน้าไม่อยู่

“ท่านพี่กล่าวเกินไปแล้ว พี่ได้เป็นปรมาจารย์นั้นเป็นเรื่องดีต่อตระกูลฉู่ ทำไมข้าจะไม่ยินดีล่ะ ยิ่งพี่มีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ พลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ น้องก็ดีใจด้วย ฉะนั้นการสอบครั้งนี้ ท่านพี่ได้โปรดชี้แนะข้าด้วย”

มีเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากฝูงชน

“ผู้ที่ชีพจรพิการเช่นฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ได้เป็นแม้ผู้ฝึกยุทธ์ การแข่งขันครั้งนี้แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย นางจะเอาปัญญาที่ไหนไป ชี้แนะ ฉู่เซียนหมิ่นได้”

“ฮ่าๆๆๆ! ดูแล้วสองพี่น้องคู่นี้ต้องการฉีกหน้ากันจริงๆ แล้วล่ะ”

ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ในเมื่อน้องสามพูดมาขนาดนี้แล้ว เช่นนั้น…ข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้วล่ะนะ!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนาง ทันใดนั้นร่างของนางก็หายไปในพริบตา

ฉู่เซียนหมิ่นตกตะลึงและตกใจ ทำไมฉู่หลิวเยว่ถึงเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้

พลังปราณที่อันตรายและเยือกเย็นมาจากทางด้านหลัง

ฉู่เซียนหมิ่นหันหลังกลับไปตามสัญชาตญาณและชักกระบี่ออกมาในเวลาเดียวกัน!

เงาร่างสีแดงแวบผ่านหน้า ฉู่เซียนหมิ่นแทงกระบี่ไปข้างหน้าอย่างแรงด้วยความเร็ว

กระบี่แหลมคมแทงทะลุหน้าอกของคนผู้นั้นตรงหน้าทันที!

ยังไม่ทันที่ฉู่เซียนหมิ่นจะได้ดีใจ ก็เห็นว่าเงาร่างคนผู้นั้นไม่แม้แต่จะไม่บาดเจ็บแล้ว ยังค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตาอีกด้วย”

นางรู้สึกถึงความผิดปกติทันที

นี่ไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่ แต่เป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น

“รู้สึกตัวช้ายิ่งนัก”

น้ำเสียงเย็นเฉียบดังขึ้นมา

ฉู่เซียนหมิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยืนห่างจากนางแค่สามก้าว แล้วกำลังมองมาที่นางด้วยสีหน้าเรียนิ่ง

แววตาคู่นั้นมองนางราวกับว่านางเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น

เมื่อโดนมองในลักษณะนี้ ฉู่เซียนหมิ่นก็รู้สึกว่าตัวเองเหลือตัวเล็กนิดเดียวอย่างแปลกประหลาด

“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น”

ผู้คนที่กำลังดูการแข่งขันต่างไม่ได้คาดหวังว่าฉู่เซียนหมิ่นจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ พวกเขาจึงมองหน้ากันด้วยความมึนงง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์