ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาจากปากของนาง ทุกคนตรงนั้นต่างก็ส่งเสียงฮือฮา
ฉู่หลิวเยว่พูดว่าอะไรนะ
นางต้องการตัดขาดกับตระกูลฉู่หรือ
นางไม่ได้บ้าใช่ไหม!
“เจ้าว่าอะไรนะ”
เพราะผู้อาวุโสตกใจมากไปหน่อยจึงย้อนถามโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ คำพูดดังก้องเหมือนฟ้าร้องในใจทุกคนจนทำให้เกิดคลื่นสะเทือนใจ
“ข้าบอกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกข้าสองคนพ่อลูกขอตัดขาดกับตระกูลฉู่ของพวกเจ้า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อีกต่อไป ได้ยินชัดไหม”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา!”
ผู้อาวุโสจ้องฉู่หลิวเยว่ด้วยความไม่อยากเชื่อ คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่านางจะเอ่ยสิ่งนี้ออกมา
“เลือดในกายของพวกเจ้ามีเลือดตระกูลฉู่ไหลอยู่ เจ้าพูดเช่นนี้ชักจะเนรคุณและไม่เคารพกันเกินไปแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้แล้วอยากพลิกฟ้าได้จริงๆ แล้ว”
ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้อาวุโสเท่านั้นที่ตกใจ ทุกคนในตระกูลฉู่ต่างก็ชะงักค้างไม่แพ้กัน
พวกเขาก็เคยคิดว่าถ้าฉู่หลิวเยว่พลิกโอกาสได้ บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในอดีต ก็อาจจะหาวิธีแก้แค้นก็ได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่านางจะเด็ดขาดเช่นนี้ แล้วเลือกหลุดพ้นออกจากตระกูลฉู่ในทันที!
ต่อให้ตอนนี้นางกลายเป็นอัจฉริยะ แต่การคิดที่จะเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉู่ทั้งตระกูล ช่างเป็นการคิดต่างโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าอย่างไรตระกูลฉู่ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง การมีสถานะตัวตนอยู่ในนี้ มีหลายคนอยากเข้ามาเกาะแต่ก็ไม่มีโอกาส แล้วทำไมนางถึงต้องเลือกหนทางนี้ด้วย
“ข้าไม่ได้มาปรึกษาหารือกับพวกเจ้า แต่ข้าแค่มาบอกพวกเข้าก็เท่านั้น” ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้สนใจว่าคำพูดนางกระทบอะไรบ้าง และสีหน้าแววตาของนางยังคงเรียบนิ่งเช่นเคย
ประโยคนี้เรียบง่ายและธรรมดา แต่กลับแฝงไปด้วยพลังอานุภาพที่มิอาจขัดขืนได้
ในที่สุดผู้อาวุโสลำดับที่สามของตระกูลฉู่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“หลิวเยว่ ประโยคนี้ห้ามพูดออกมาซี้ซั้วเด็ดขาด ข้ารู้ว่าในใจเจ้ารู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม แต่นี่ก็เป็นการวู่วามเกินไป…”
“ผู้อาวุโสสาม ข้าตัดสินใจมาดีแล้ว”
น้ำเสียงที่ฉู่หลิวเยว่ใช้พูดกับผู้อาวุโสสามนับว่ายังมีความเกรงใจกันอยู่บ้าง
เพราะในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ท่านนี้เคยช่วยเหลือพวกเราสองพ่อลูกอยู่บ้าง
เขาไม่มีลูกสืบสกุล แล้วเห็นคุณค่าในตัวของฉู่หนิงเสมอ ดังนั้นเขาจึงเห็นว่าฉู่หนิงเปรียบเสมือนลูกหลานของตนเอง
แต่หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในภายหลัง แม้ว่าผู้อาวุโสสามต้องการช่วยเขา แต่ก็ไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยอะไรได้
ผู้อาวุโสสามมองหน้าฉู่หลิวเยว่โดยที่เขาพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ
สุดท้ายเข้าก็ยังไร้ความสามารถ…หากเขามีอำนาจในตระกูลฉู่มากกว่านี้ก็คงพอจะช่วยเหลือพวกเขาได้บ้าง มิฉะนั้นพวกเขาสองพ่อลูกก็คงไม่มาถึงขั้นนี้…
หากไม่ใช่เพราะวันนี้ฉู่หลิวเยว่สามารถสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ อันที่จริงเขาคงไม่มีความมั่นใจที่จะต่อปากต่อคำกับผู้อาวุโสสูงสุดได้หรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์