อ่านสรุป บทที่ 698 ปีกคู่หนึ่ง จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
บทที่ บทที่ 698 ปีกคู่หนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่มัวแต่จดจ่ออยู่กับค่ายกลสีรุ้ง จนไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของถวนจื่อน้อยในอ้อมแขนเลยสักนิด
เหนือท้องฟ้าด้านบน ทัณฑ์สวรรค์กำลังโหมกระหน่ำท่ามกลางเมฆหนาทึบ และรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!
ดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงไม่น้อยไปกว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่าใส่ฉู่หลิวเยว่ตอนหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดเลย!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
เหอะ…ความจริงก็แอบคิดถึงมันเหมือนกันนะ…
ย้อนกลับไปในช่วงที่ทัณฑ์สวรรค์ไม่ยอมผ่าลงมา และหายเงียบไปนาน แต่นางก็พยายามทุ่มเทสุดกำลังเพื่อเก็บเกี่ยวพวกมันให้หมด
ซึ่งถ้าตอนนี้ผู้คนที่อยู่รอบๆ รู้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังทำอันใด คงได้ตกตะลึงกรามค้างเป็นแน่
บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนหรือสัตว์อสูร ต่างก็รักและเกรงกลัวทัณฑ์สวรรค์กันทั้งนั้น
ซึ่งสาเหตุที่พวกเขารัก ก็เพราะพลังอันทรงพลังที่บรรจุอยู่ในนั้น ตราบเท่าที่กระตุ้นและล่อทัณฑ์สวรรค์ออกมาได้ นั่นก็หมายความว่า พวกเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาวุธศราตราของตัวเองได้
ส่วนที่น่ากลัวก็คือ พลังของทัณฑ์สวรรค์นั้นโหดร้ายและรุนแรงมาก ถ้าไม่ระวังให้ดี คนผู้นั้นอาจถึงชีวิตได้
เช่นเดียวกับฉู่หลิวเยว่ ที่สามารถบังคับลากทัณฑ์สวรรค์ลงมาจากฟากฟ้า แล้วยัดมันเข้าไปในอาวุธโบราณและทำให้มันเย็นลงด้วยตัวคนเดียว อีกทั้งหลังเสร็จกิจแล้ว นางยังมีสติดีจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ด้วย
แต่แล้วองค์ไท่จู่ก็พูดว่า
“สาวน้อย เจ้าคงไม่คิดจะขโมยทัณฑ์สวรรค์ของผู้อื่นใช่หรือไม่…นั่นมันอาจเป็นของใครบางคนกำลังทะลวงขั้นพลังปราณอยู่ก็ได้…?”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งที
“องค์ไท่จู่ จากมุมมองของท่าน ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”
องค์ไท่จู่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างเงียบๆ ว่า
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ดูเหมือนว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด จะทำให้องค์ไท่จู่มีเงามืดในใจอยู่มากเลยทีเดียว…
“วางใจได้ ข้าแค่อยากรู้ว่าในนั้นมีสัตว์อสูรประเภทใดทำการทะลวงอยู่กันแน่ ไม่ได้มีเจตนาร้ายอื่นใด อีกอย่าง ข้าเองก็ทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วด้วย?”
ฉู่หลิวเยว่โน้มน้าวอีกฝ่ายในใจ
แม้ว่าตอนนี้อินทรีสามตาจะยังไม่สามารถฟื้นฟูกายหยาบของมันได้ แต่นางก็ยังมีซากของไท่ซวีเฟิ่งหลง และใบโพธิ์สีทองม่วงอยู่กับตัว ตราบใดที่นางหาวัตถุดิบยาเพิ่มเติมได้ นางก็สามารถหาเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อช่วยคืนร่างให้อินทรีสามตาได้
คนอื่นๆ อาจมีความปรารถนาอันแรงกล้าต่ออสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่นางไม่มี
สุดท้ายองค์ไท่จู่ก็รู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ในเมื่อเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็จะเชื่อ อีกอย่าง…ค่ายกลสีรุ้งนี่ ต่อให้มีเจ้าเพิ่มอีกคน ก็ไม่น่าจะทะลวงได้ พี่เหลยสี่นั่นพูดถูกแล้ว ที่แห่งนี้อันตรายมาก พวกเรารอดูห่างๆ อยู่ตรงนี้ก็พอ”
ในน้ำเสียงขององค์ไท่จู่มีความจริงจังและความขึงขังปะปนอยู่
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับในใจ
“ขอบคุณองค์ไท่จู่”
จากนั้นองค์ไท่จู่ก็ไม่ได้ตอบอันใดกลับมาอีก
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่ค่ายกลครึ่งวงขนาดใหญ่สีสันสวยงาม เสมือนซีกโลกตรงหน้านาง พลันจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
นางรู้ค่ายกลนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าองค์ไท่จู่จะประเมินมันสูงกว่าที่นางคิด
หรือว่ามันจะ…แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ?
และด้วยพลังนั้น ทำให้พวกเขามองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้เลย แม้ว่าจะอยู่ใกล้มากก็ตาม
นอกจากแสงระยิบระยับสวยงามเหล่านั้น ก็มองไม่เห็นอย่างอื่นเลย
แม้แต่เงาจางๆ ก็ยังมองไม่เห็น
เจ้านี่มันคืออันใดกันแน่?
ฉู่หลิวเยว่ไม่ลังเลรีบเอ่ยถามอินทรีสามตาในใจ
“ตอนนี้เจ้าพอจะตรวจสอบได้หรือยังว่า ข้างในนั้นคือสัตว์อสูรชนิดใด?”
คราวนี้อินทรีสามตาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“ไม่รู้”
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจ
หากพูดตามหลักแล้ว อินทรีสามตาเป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ และระดับของมันสูงก็กว่าสัตว์อสูรระดับเก้าตัวนั้นด้วย
และด้วยระยะห่างเพียงแค่นี้ มันควรจะสัมผัสถึงลมปราณของอีกฝ่ายได้
“คือ…ถ้าแม้แต่เจ้ายังไม่รู้…”
แต่เหมือนว่าอินทรีสามตาจะเดาความคิดของฉู่หลิวเยว่ได้ มันจึงรีบอธิบาย
“ค่ายกลสีรุ้งนี้เป็นสิ่งที่สัตว์อสูรระดับเก้าตัวนั้นสร้างไว้ตั้งนานแล้ว และมันก็ทรงพลังมากด้วย ซึ่งถ้าข้าเดาไม่ผิด มันคงจะใช้วิธีกลยุทธบางอย่างเสริมเข้าไปด้วย ทำให้ข้าไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งของมันได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...