เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 702

ในใจฉู่หลิวเยว่ไม่มีความสุขเลยสักนิด แต่เมื่อนางหันหน้ากลับมา สีหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติ

“รองแม่ทัพมู่”

เธอทักทายมู่ชิงเห่ออย่างสุภาพมาก

ทว่าน่าเสียดายที่ครั้งนี้นางไม่สามารถจัดการเจียงอวี่เฉิงได้ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หากนางลงมือฆ่าเขาขึ้นมาจริงๆ คงเกิดรู้สึกลังเลอยู่บ้าง

…เพียงแค่ตวัดปลายมีด ความสุขก็อยู่แค่เอื้อม

แต่อนาคตนั้นยังอีกยาวไกล ปล่อยให้องค์ชายใหญ่เจียงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปก่อนก็แล้วกัน…

ฉู่หลิวเยว่คิดเช่นนั้น ก่อนจะทำทีกวาดตามองตามเนื้อตัวของเจียงอวี่เฉิง เสมือนเป็นห่วงเป็นใย

“องค์ชายใหญ่เจียง ข้าว่าสภาพร่างกายของท่านในตอนนี้ดูย่ำแย่ยิ่งนัก เช่นนี้ท่านรีบทำการรักษาก่อนดีหรือไม่?”

ตอนแรกเจียงอวี่เฉิงเอาแต่มองแผ่นหลังของนางอย่างเหม่อลอย แต่พอนางเอ่ยปาก เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ที่กวาดมองตนไม่หยุด เจียงอวี่เฉิงก็รู้สึกเขินอายแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

โดนคนอื่นเห็นในสภาพสกปรกหน้าตามอมแมมเข้าจนได้…

เขาแสร้งกระแอมไอ

“ข้ามียาอยู่”

เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบเม็ดยาออกมาและกลืนมันลงไป

มู่ชิงเห่อเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ด้านข้าง และรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเจียงอวี่เฉิง แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออันใด

อาจเป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นที่เขาเพิ่งประสบมา…

เกรงว่าใครก็ตามที่เคยผ่านความเป็นความตายมาก่อน คงรู้สึกหวาดผวากันถ้วนหน้า

เจียงอวี่เฉิงมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาซับซ้อน

“เมื่อครู่นี้…ต้องขอบคุณเจ้ามาก”

ชั่วขณะหนึ่ง เขาเกือบคิดว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการจะฆ่าเขา

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภายหลังได้พิสูจน์แล้วว่า นี่เป็นเพียงความเข้าใจผิด

ตัวเขานั้นเป็นคนช่างสงสัยอยู่เสมอและไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเรื่องของชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน

ซึ่งความช่วยเหลือที่ไร้เงื่อนไขของฉู่หลิวเยว่นั้น เกินความคาดหมายของเขาอย่างมาก

“องค์ชายใหญ่เจียง อย่าได้เกรงใจ”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง ราวกับว่านางไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

เจียงอวี่เฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

“ครั้งนี้ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า”

มู่ชิงเห่อชำเลืองมองเจียงอวี่เฉิงทันที แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนั้น

ชายคนนี้มีนิสัยโหดเหี้ยม เลือดเย็นและใจร้ายไส้ระกำ ไม่รู้เลยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนสละชีวิตเพื่อเขาไปแล้วกี่คนแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นค่าคนพวกนั้นเลย

แต่พอเป็นฉู่หลิวเยว่…เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นฝ่ายพูดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณคนอื่นเสียได้?

หรือว่าเขาตั้งใจจะผูกมิตรกับฉู่หลิวเยว่?

ซึ่งเมื่อ…พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ธรรมดา และมันก็คุ้มค่าที่จะมีเพื่อนเช่นนาง

ฉู่หลิวเยว่ดูถ่อมตัวมาก นางไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมา แต่ทว่าความจริงแล้ว นางกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอันใดเลย

เจียงอวี่เฉิงที่ชอบเลียแข้งเลียขาเหมือนสุนัขน่ะ นางเคยเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว

บนโลกนี้คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางแล้ว ว่าชายผู้นี้แสร้งตีสองหน้าได้น่าอัศจรรย์เพียงใด

เมื่อเขาส่งชาให้นาง เขามักจะมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเสมอ แต่สุดท้ายนางก็ตระหนักได้ว่า หน้ากากรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยยาพิษ

ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจ และคิดว่าสายตาลึกซึ้งซับซ้อนของเจียงอวี่เฉิงนั้นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ

ความจริงแล้วนางสนใจมู่ชิงเห่อมากกว่า

“รองแม่ทัพมู่ เมื่อครู่ท่านโผล่ออกมาจากตรงนั้นหรือ?”

สีหน้าของมู่ชิงเห่อยังคงเรียบเฉย

“ก่อนหน้านี้พวกเราประสบอุบัติเหตุและตกลงไปรอยแยก จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหลบหนี”

ขณะพูดเขาก็มองฉู่หลิวเยว่ พร้อมขมวดคิ้ว

“แต่เจ้ามา…”

“หลิวเยว่!”

แต่ยังไม่ทันที่มู่ชิงเห่อจะได้พูดจบ ก็ถูกขัดด้วยเสียงของมู่หงอวี่เสียก่อน

ฉู่หลิวเยว่หันไปมอง และเห็นว่าเชียงหว่านโจวกับคนอื่นๆ เดินมาทางนี้กันหมด

เชียงหว่านโจววิ่งมาด้านหน้าด้วยความเร็ว ในขณะที่มู่หงอวี่และเย่หรานหร่านมาช้ากว่าเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ดูกังวลเช่นกัน

แม้ว่าพี่เหลยสี่จะยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่เขาก็หันมองมาทางนี้เป็นพักๆ

ฉู่หลิวเยว่แอบชมนางในใจ

ทำได้ดีมากมู่หงอวี่!

จากนี้ไป เจียงอวี่เฉิงจะไม่กล้าอวดดีใส่ใครไปอีกนานเลย!

เมื่อมู่ชิงเห่อเห็นคนทั้งหมด ก็ยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิม

“พวกเจ้า…มาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด? พวกเจ้าไม่ได้ถูกจับโยนลงไปในรอยแยกหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน จู่ๆ สัตว์อสูรของข้าก็วิ่งหนีไป ข้าจึงไล่ตามมัน พวกเขาเองก็วิ่งตามข้ามา ครู่ต่อมา เมื่อจับสัตว์อสูรกลับมาได้แล้ว พวกข้าก็เตรียมกลับไปที่เดิม แต่กลับพบว่า…พวกท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว พวกเราจึงรออยู่ที่นี่ และรอจังหวะกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับคนในขบวน”

ฉู่หลิวเยว่เล่าแบบตัดตอนเพื่อปกปิดความจริงบางประการ พลันเอ่ยถามว่า

“ตอนแรกพวกท่านก็อยู่ตรงนั้นมิใช่หรือ? เหตุใด…พวกท่านถึงแยกกันได้?”

มู่ชิงเห่อจะตามประกบซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงตลอดเวลา แต่ขนาดพวกเขายังแยกจากกันได้ นับประสาอันใดกับคนอื่นๆ

สีหน้าของมู่ชิงเห่อดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

“ทุกอย่างเกิดขึ้นกระทันหันเกินไป”

หากไม่ใช่เพราะเขามีความรู้เกี่ยวกับป่าหมอกมายา และรู้วิธีจัดการกับต้นสนฉัตรล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะยังติดอยู่ในบึงนั้นเป็นแน่!

“เมื่อเป็นเช่นนี้…แสดงว่าท่านเองก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังเผชิญกับสถานการณ์เช่นไร?”

ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อดูว่าจะมีใครโผล่ออกมาอีกหรือไม่

มู่ชิงเห่อและเจียงอวี่เฉิงเงียบไม่ตอบ

แล้วพวกเขาจักทำเช่นไรต่อ?

ดูจากฤทธิ์เดชของบึงโคลนด้านล่างแล้ว…แค่หนียังจะยากเลย!

พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาป่าหมอกมายา แต่กลับต้องเจอเรื่องแบบนี้เสียแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาคิด ก็ยังรู้เลยว่า การสูญเสียกำลังพลถึงพันนายนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย!

น้อยครั้งที่มู่ชิงเห่อจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงทำใจยอมรับไม่ได้และอารมณ์ไม่ดีสุดๆ

เปรี้ยง!

ทัณฑ์สวรรค์อีกสายหนึ่งฟาดลงมา!

ในที่สุดเจียงอวี่เฉิงก็ตั้งสติได้ พลันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ

“นั่นมัน…การทะลวงขั้นพลังปราณของสัตว์อสูรระดับเก้าหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์