ปิ่นปักผมแกะสลักจากไม้สีดำ มีดอกท้ออยู่สองสามดอก ที่ดูราวกับมีชีวิตชีวา และแม้แต่เกสรดอกตัวผู้ก็ยังดูบอบบางมาก
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือบนกลีบดอกท้อเหล่านั้นมีเกล็ดหิมะที่ใสราวกับแก้วอยู่สองสามดวง
ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน โดยธรรมชาติแล้วจะไม่มีหิมะตก
เมื่อฉู่หลิวเยว่มองเข้าไปใกล้ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าเกล็ดหิมะนั้นแกะสลักมาจากจันทรกานต์[1]อันล้ำค่าจริงๆ
จันทรกานต์เป็นหยกชนิดที่หายากมาก มันวาวใสและเจิดจ้าเมื่ออยู่กลางแสงแดด แต่ยามราตรีที่มืดมิด แสงของหยกจะกลิ้งไหลแวววาวราวกับแสงจันทร์ที่นวลตา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
แม้ว่าหร่งซิวจะเป็นองค์ชายเจ็ดแห่งเคว้นเย่าเฉิน แต่สำหรับอาณาจักรเสวียนอู่แล้วแคว้นเย่าเฉินไม่มีอะไรเทียบได้เลยสักนิด
หากเป็นนางในอดีตชาติ ในฐานะองค์หญิงจากลิขิตสวรรค์ของราชวงศ์เทียนลิ่งอันสูงส่ง ถ้าต้องการจันทรกานต์นี้สักชิ้นก็คงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง
นี่เป็นสมบัติที่หายากมากในที่สุดในโลกสำหรับคนในแคว้นเย่าเฉินอย่างแน่นอน
หรงซิวมีของแบบนี้ได้อย่างไร
อีกอย่าง เขามอบของขวัญราคาแพงให้กับนางจริงๆ หรือ!
ฉู่หลิวเยว่ปิดกล่องแล้วยื่นกลับคืนไป
“องค์ชาย ของชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป ข้ามิอาจรับได้หรอก”
หรงซิวจ้องนางแน่นิ่ง
“วันนี้เป็นวันของเจ้า ตามกฎแล้วผู้อาวุโสในครอบครัวจะต้องทำพิธีปักปิ่น[2]ให้กับเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบ
หรงซิวพูดถูก
พิธีปักปิ่นเป็นวันที่สำคัญมากสำหรับสตรีในอาณาจักรเสวียนอู่
เพราะมันหมายความว่าหญิงสาวนั้นจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และสามารถแต่งงานออกเรือนได้แล้ว
ต่อให้เป็นในตระกูลของคนธรรมดาสามัญก็ต้องเชิญคนมาทำพิธีนี้ให้บุตรสาวของตนโดยเฉพาะ
แน่นอนว่าสำหรับตระกูลใหญ่นั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไร
ตอนพิธีปักปิ่นในอดีตชาติของนาง ทุกประเทศราชต่างส่งของกำนัลมายินดีให้ตั้งมากมาย แม้กระทั่งงานเลี้ยงยังจัดตั้งสามวันสามคืน
ตอนนั้นช่างดูยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก
หลังจากเกิดใหม่อีกครั้ง นางเอาแต่วางแผนที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก การแก้แค้น และความเกลียดชัง โดยลืมนึกถึงสิ่งเหล่านี้ไปเลย
แกร็ก!
ฉู่หลิวเยว่เปิดกล่องไม้กฤษณานั้นอีกครั้งก่อนจะชี้ไปที่ปิ่นดอกท้อแล้วถามว่า
“องค์ชาย ดอกท้อมักบานในวสันตฤดู ทำไมถึงมีหิมะตกบนปิ่นปักผมที่ท่านมอบให้ข้าล่ะ”
“ดอกท้อบานได้ในฤดูเหมันต์เช่นกัน”
“เป็นไปได้ยังไง พระองค์เคยเห็นหรือ” ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเยาะในใจ หรงซิวเป็นคนที่พูดอะไรออกมาก็ได้จริงๆ
จากนั้นหรงซิวก็ช้อนสายตาสบตานางลึกซึ้ง
สายตาเช่นนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่นึกถึงครั้งแรกที่นางเห็นชายหนุ่มยืนอยู่กลางสายฝน ซึ่งเขาก็มองนางด้วยสายตาแบบนี้
นางไม่สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ และถึงกับคิดว่าเขากำลังมองคนอื่นอีกคนผ่านตัวนางอยู่
“ข้าเคยเห็น”
เขาหลับตาแล้วกลอกตาจนเป็นลูกคลื่นที่ใต้ตา จากนั้นถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าเคยเห็นดอกท้อเบ่งบานยามหิมะส่องแสงระยิบระยับไปทั่วท้องฟ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...