ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าจะอธิบายหรงซิวในตอนนี้อย่างไรดี
ดูเหมือนเขาจะหวนนึกถึงทิวทัศน์ที่เขาพรรณนา เหมือนกับว่าเขาคะนึงหาผู้หนึ่งอยู่
แล้วจะเห็นดอกท้อบานสะพรั่งในเหมันตฤดูได้ที่ไหน
ใครกันที่ทำให้เขาอาลัยอาวรณ์ได้ถึงเพียงนี้
ไม่ว่าในกรณีใด เห็นได้ชัดว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา
ฉู่หลิวเยว่ลังเลครู่หนึ่งและในที่สุดนางก็รับเอาปิ่นดอกท้อมาเก็บไว้
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยองค์ชายมากเพคะ”
หรงซิวเท้าคางด้วยสีหน้าผ่อนคลาย แสงไฟนวลอันอบอุ่นสาดส่องบนใบหน้าของเขา ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาดูสง่าสงามและโดดเด่นขึ้นไปอีก
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองออกไปนอกประตู ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
นางเอ่ยถาม
“องค์ชาย คนที่จวนของท่านรู้หรือไม่ว่าเสด็จมาที่นี่ ตอนนี้ฝนตกหนักแล้ว พวกเขาน่าจะมารับพระองค์ได้แล้วนะเพคะ”
แม้ว่าเขาจะมีร่ม แต่การที่จะให้หลีอ๋องเดินกางร่มฝ่าฝนกลับไปก็จะดูเกินไปหน่อย
โดยเฉพาะอีกฝ่ายเพิ่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตัวเองแบบนี้
หรงซิวชำเลืองมองนางด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ที่เจ้าอยากให้ข้ารีบกลับ เพราะไม่อยากเห็นหน้าข้าหรือ”
ฉู่หลิวเยว่พูดจริงจัง
“เป็นไปได้อย่างไร พระองค์เสด็จมาที่นี่ บ้านที่หลังเล็กและเรียบง่ายจะเทียบกับจวนของท่านไม่ได้…”
“แต่ข้ากลับคิดว่าที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
หรงซิวเคาะโต๊ะ
“ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้ร่างกายข้าอ่อนแอและทนหนาวไม่ไหว ถ้าฝนตกทั้งคืนแบบนี้ ข้าเกรงว่าจะต้องค้างที่นี่สักคืน”
ฉู่หลิวเยว่หยิบถ้วยชาขึ้นมาเพื่อจะจิบชา แต่ก็เกือบจะปาถ้วยในมือออกไปเดี๋ยวนั้น
นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พระองค์จะค้างที่นี่หรือ ไม่มีทาง!”
นางเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่วันแรกเองนะ
หรงซิวและนางไม่ใช่ญาติกัน ดังนั้นจะมานอนแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
“บ้านเจ้าออกจะตั้งกว้าง อย่าบอกนะว่าไม่มีแม้กระทั่งห้องรับแขก”
หรงซิวทำท่าทางเหมือนแปลกใจเล็กน้อย
“…”
ฉู่หลิวเยว่พูดไม่ออก
จริงอยู่ที่บ้านหลังนี้มีห้องหลายห้อง แต่ตอนซื้อบ้าน นางจึงเตรียมทำความสะอาดไว้แค่ห้องนอนแค่สองห้องเท่านั้น
ห้องหนึ่งของฉู่หนิง ส่วนอีกห้องคือห้องของนาง
มีห้องสำหรับเขาซะที่ไหน
ฉู่หลิวเยว่ชี้แจงสถานการณ์ปัจจุบันให้หรงซิวฟัง
“…องค์ชาย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการขับไล่ท่านออกไป แต่ข้าไม่สามารถหาที่ว่างให้พระองค์ได้จริงๆ วันนี้ท่านพ่อคงกลับดึก…”
“ท่านพ่อของเจ้าเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าเสด็จพ่อมิใช่หรือ ข้าได้ยินว่าดูเหมือนเสด็จพ่อจะทรงดีพระทัยมาก จึงบอกให้ใต้เท้าฉู่หนิงอยู่ต่อเพื่อสนทนาพาทีคืนนี้”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองหรงซิวอย่างหวดระแวง
เขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ
วันนี้หมิ่นกงกงได้ป่าวประกาศตรงหน้าประตูตระกูลฉู่ คนที่อยากรู้แค่สืบถามก็รู้แล้ว
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ชาย ทุกเรื่องในวังเขาจึงรู้ดีที่สุด
หลีอ๋องพระองค์นี้ไม่ได้ดูอ่อนโยนและไร้พิษสงอย่างที่เห็นจากภาพลักษณ์ภายนอก
“เมื่อเสร็จธุระ ท่านพ่อข้าก็จะกลับมาเอง ข้าเป็นลูกสาว แม้กระทั่งที่ของพ่อข้าก็คงไม่เก็บไว้ให้หรอกกระมัง”
หรงซิวพยักหน้าเห็นด้วย
“ถูกต้อง ในฐานะที่เป็นเด็กก็ไม่ควรรบกวนผู้อาวุโสจริงๆ”
ยังไม่ทันที่ฉู่หลิวเยว่จะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็พูดต่ออีกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ข้า…ก็ต้องขอรบกวนเยว่เอ๋อร์แล้วล่ะ”
ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น ก็เห็นหรงซิวกำหมัดป้องปากแล้วไอโขลกๆ ราวกับว่าหากได้รับลมแรงกว่านี้คงเป็นลมหมดสติไปเป็นแน่
ผู้ชายคนนี้ยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ให้ได้จริงๆ
ฉู่หลิวเยว่กำหมัดแน่นแล้วคลายออก กำแน่นแล้วคลายออก จนในที่สุดนางก็ลุกพรวดพราด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์