อันที่จริงฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้โกรธที่ต้องยกห้องนอนให้หรงซิวจริงจังสักหน่อย
หรงซิวช่วยนางหลายต่อหลายครั้ง และนางก็ติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ ดังนั้นให้เขาค้างที่นี่สักคืนก็ไม่เห็นเป็นอะไร
หลังจากที่นางเดินออกจากห้องนอน นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือ
ที่จริงในห้องหนังสือมีเตียงสำหรับนอนเอนกาย แต่ฉู่หลิวเยว่ยังไม่อยากนอนตอนนี้
…วันนี้นางต้องการทะลวงร่างกายที่ยังไม่เคยฝึกยุทธ์แล้วกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ สักที
ฉู่หลิวเยว่ปิดประตูและหน้าต่าง จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิบนเตียงและค่อยๆ หลับตาลง
ร่างกายนี้มีชีพจรตี้จิง ซึ่งทำให้ความเร็วในการฝึกฝนนั้นเร็วกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหลายเท่า
ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟูชีพจรเดิม แต่พลังแห่งฟ้าดินที่ดูดซับเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่นั้นมีมากพออยู่แล้ว
ตอนนี้สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้แล้ว นางไม่จำเป็นต้องปิดบังความจริงที่ว่าชีพจรเดิมนั้นได้รับฟื้นฟูแล้ว
บรรยากาศภายในห้องหนังสือช่างเงียบสงัด
ในไม่ช้าพลังแห่งฟ้าดินก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาท่วมร่างของฉู่หลิวเยว่!
ราตรีนี้ ข้าจะต้องบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ให้จงได้!
…
คืนฝนพรำนี้มักจะลิขิตให้ไร้ความสงบสุข
ณ ตระกูลลู่
“เยี่ยนเอ๋อร์ ฉู่หลิวเยว่เอาชนะหมินหมิ่นในการสอบกลางภาคได้อย่างนั้นหรือ”
หลังจากการสอบกลางภาคสิ้นสุดลง ทางสำนักก็อนุญาตให้พักได้สามวัน ทันทีที่ลู่เฟยเยี่ยนกลับมาที่ตระกูลลู่ นางถูกลากไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ในห้องหนังสือทันที
ลู่เฟยเยี่ยนเบะปาก
“จริงเจ้าค่ะ”
คนในตระกูลลู่หลายคนสบตากัน
“นี่…ฉู่หลิวเยว่ผู้ไร้ความสามารถกลายเป็นอัจฉริยะชั่วข้ามคืนจริงหรือ”
ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องดังกล่าว ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อ
แม้กระทั่งหมอเทวดายังไมมีทางรักษาผู้ที่มีชีพจรพิการได้ แล้วฉู่หลิงเยว่ทำได้เยี่ยงไร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ!
“หึ ข้าว่าแล้วฉู่หลิวเยว่คนนี้แปลกเหลือเกิน นางสามารถเอาชนะหมินหมิ่นได้ ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ชนะหมินหมิ่นได้เท่านั้น นางยังทำให้หมินหมิ่นเสียโฉมอีกด้วย ตอนนี้หมินหมิ่นคงโกรธแค้นนางยิ่งกว่าอะไรดี”
ผู้ใหญ่หลายคนถึงกับตกตะลึง จกานั้นทุกคนก็ส่ายหน้าเมื่อได้ฟังรายละเอียดในเรื่องนี้
“ฉู่หลิวเยว่ทำลายตระกูลฉู่ย่อยยับหมดแล้ว ตอนนี้นางแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ประกอบกับฉู่หนิงได้เลื่อนเป็นแม่ทัพราชองครักษ์อีก ช่างกำเริบกันใหญ่แล้ว แต่เกรงว่าพวกเขาคงไม่ตั้งหลักในเมืองหลวงได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะ…”
“จดหมายจากตระกูลฉู่มาถึงแล้ว ผู้อาวุโสรอง ท่านดูสิ…”
“แม้เรากับตระกูลฉู่จะไม่มีอะไรกระทบกระทั่งมากนัก แต่ถึงอย่างไรหมินหมิ่นก็มีสายเลือดของตระกูลเราอยู่ครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น อูฐที่ผอมตายยังตัวใหญ่กว่าม้า[1] ไม่จำเป็นต้องทำให้ตระกูลฉู่ต้องขุ่นเคืองในเวลานี้”
“ขอรับ!”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์