สรุปตอน บทที่ 768 หนึ่งชั่วยาม – จากเรื่อง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
ตอน บทที่ 768 หนึ่งชั่วยาม ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดยนักเขียน จ้าน นิชิโนะ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วมองเขาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป
มู่ชิงเห่อทำหน้าเครียด และไม่ได้ตอบกลับไปในทันที
แต่กลายเป็นซั่งกวนหว่านที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของคนฝั่งนี้ แล้วหรี่ตาลงอย่างอันตราย พลางจงใจเอ่ยถาม
“รองแม่ทัพมู่ นั่นพวกเจ้ากำลังทำอันใดอยู่?”
มู่ชิงเห่อรู้ว่านางได้ยินประโยคเมื่อครู่เต็มสองหู มิเช่นนั้นคงไม่เค้นเสียงถามราวตั้งใจเช่นนี้
แต่เขาก็ยังก้มศีรษะและตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“พวกของมู่หงอวี่ยังอยู่ข้างใน องค์หญิงโปรดพินิจว่าเราควรจะรออยู่ที่นี่สักชั่วยาม แล้วพาพวกเขากลับไปที่ซีหลิงด้วยกัน ดีหรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านตาถลนราวประหลาดใจมาก
“พวกเขายังไม่มาอีกหรือ? นี่มันก็ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว พวกเขายังไม่ล้มเลิกอีกหรือ…”
ถึงจะไม่ได้พูดประโยคที่เหลือออกไป แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่านางจะสื่ออันใด
เกิดความเงียบขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
ก่อนจะเป็นจู้หงที่เอ่ยแทรกขึ้นมา
“องค์หญิงขอรับ พวกเขายังอยู่ในป่าหมอกมายา และคงไม่รู้ว่าเรากำลังจะเดินทางกลับแน่ๆ ขอรับ”
ในเมื่อไร้การส่งสารเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะกลับมาที่นี่ได้อย่างใด?
นี่ซั่งกวนหว่านจงใจทำให้คนอื่นลำบากหรือเปล่า?
“โอ้? เช่นนี้เองหรือ…เดิมทีข้าคิดแต่เรื่องจะเอาบัวระบำกลับไปปรุงโอสถให้ท่านพ่อ จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย”
ซั่งกวนหว่านรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันควัน
นางมองจู้หงด้วยสายตาขุ่นมัว และเอ่ยอย่างเป็นนัย
“ดูเหมือนภูเขาเขี้ยวมังกรและชงซูเก๋อจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีเหลือเกินนะ แม้ในเวลาแบบนี้เจ้าก็ยังนึกถึงพวกเขา”
จู้หงยืดหลังตรงแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ฉู่หลิวเยว่ช่วยชีวิตศิษย์จากภูเขาเขี้ยวมังกรอย่างพวกข้าน้อยไว้ พวกข้าน้อยจึงต้องการตอบแทนนาง อีกทั้งมู่หงอวี่ก็ยังอยู่ในนั้น จะให้ทำเฉยไม่ดูดำดูแดงได้อย่างใด”
ซั่งกวนหว่านถึงกับผงะ
และไม่รอให้นางได้เอื้อนเอ่ย จู้หงก็พูดต่อทันที
“องค์หญิงขอรับ ข้าน้อยอยากจะขอให้ท่านส่งสัญญาณเพื่อเรียกพวกเขากลับมา เมื่อพวกเขากลับมาแล้ว ก็ค่อยเคลื่อนทัพออกไปจากแดนภังคะอันสุดแสนอันตรายแห่งนี้ หากปล่อยพวกเขาไว้ลำพัง ก็เกรงว่า…”
ในใจซั่งกวนหว่านเริ่มร้อนรน พลันเอ่ยขัดเขา
“หากหลายชั่วยามแล้วพวกเขายังไม่กลับมา เช่นนั้นก็ให้คนจำนวนหนึ่งรอพวกเขาอยู่ที่นี่ดีหรือไม่? จู้หง ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเพียงใด แต่เจ้าก็ต้องรู้ด้วยว่า เสียงส่วนใหญ่ย่อมมาก่อน!”
จู้หงแทบสำลักน้ำลาย
เมื่อเห็นว่าเขาพูดไม่ออก ซั่งกวนหว่านก็เอาผมทัดหูด้วยความพึงพอใจ
“นอกจากนี้ ที่นั่นก็ยังมีฉินอีกับพี่เหลยสี่ ฉะนั้นพวกเขาย่อมปลอดภัย ยามนี้คนของเราได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งทางกายและใจ ให้รอนานกว่านี้คงไม่ได้”
พูดจบนางก็หมุนตัวเตรียมเดินออกไป
ปี๊ด…
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหวีดแหลมดังขึ้นในหู!
ซั่งกวนหว่านหันศีรษะไปมองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเห็นเจียงอวี่เฉิงถือแตรหยกอยู่ในมือ
เปรี้ยง!
พลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือท้องนภา!
นางเงยหน้าขึ้น แล้วเห็นดอกไม้ไฟที่เจิดจรัส กำลังเบ่งบานบนท้องฟ้ายามค่ำคืน!
เนื่องจากเป็นยามราตรี แสงสีของมันจึงสว่างสะท้านสายตากว่าปกติ
แม้ว่ามู่หงอวี่และคนอื่นๆ จะอยู่ในป่าหมอกมายา แต่พวกเขาจะเห็นมันแน่นอน
“รออยู่ที่นี่สักชั่วยาม หากครบกำหนดแล้วพวกเขายังไม่มา พวกเราจะกลับทันที”
น้ำเสียงของเจียงอวี่เฉิงฟังดูเรียบเฉย แต่ก็ไม่อาจขัดได้เลย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ปรึกษาซั่งกวนหว่าน และเลือกตัดสินใจด้วยตัวเอง
“ขอรับ”
มู่ชิงเห่อเห็นด้วยและสั่งให้ทุกคนไปพักผ่อนในที่ของตน หากพ้นหนึ่งชั่วยามแล้วจะทำการเคลื่อนพลต่อไป
จู้หงและคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเริ่มรอพวกมู่หงอวี่กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ
และนอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่มองไปทางป่าหมอกมายาและรอคอยอย่างเงียบๆ
กระทั่งเริ่มมีเสียงกระซิบดังขึ้นแผ่วๆ
“ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะกลับมาทันหรือเปล่า…”
“ที่น่าสงสัยกว่าคือสถานการณ์ของคุณหนูฉู่มากกว่า พวกเจ้าว่า นางจะรอดหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...