เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 801

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์โอบประคองผีผาไว้ในอ้อมแขน นิ้วมือเรียวยาวกรีดกรายเครื่องดนตรีประเภทสาย จนเกิดเสียงเพลงอันไพเราะเสนาะหูลอยออกมาอยู่ร่ำไป

ปกติแล้วนางมักจะเล่นแต่เพลงเศร้า และไม่ค่อยเล่นเพลงที่สดใสเช่นนี้ ทว่าดวงตาและคิ้วเรียวที่ปรากฏรอยยิ้มของนางนั้น กำลังแสดงให้เห็นว่านางอารมณ์ดีเพียงใด

“ใครบอกให้นางอวดดีจนเกินตัวกัน? พอตอนนี้ เลยแพ้ภัยตัวเองบ้างแล้ว”

สุ่ยหลิวเอ๋อร์หยุดปลายนิ้วชั่วคราว พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“นางคิดว่าทุกคนสามารถทำอันใดที่แดนภังคะได้ตามอำเภอใจจริงๆ หรือ? ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่แดนภังคะสงบลงแรกๆ องค์หญิงใหญ่ทรงทำไว้ดีมากนะ ข้าว่านางคงอยากลองทำแบบนั้นดูบ้าง เพื่อจะได้เป็น “บุตรสาวที่กตัญญูที่สุดในโลก” แต่กลับไม่หวนคิดเลยว่าตัวเองมีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่?”

แดนภังคะนั้นเปรียบดั่งกระดูกมวลหนาที่ยากจะผุกร่อน มันตกอยู่ในความโกลาหลมานานกว่าหลายร้อยปี กระทั่งองค์หญิงใหญ่เข้าไปมีบทบาท แล้วใช้พลังอำนาจในมือจัดการทุกอย่าง จนมันถูกปราบปรามลงได้ในที่สุด

แต่แล้วเหตุใดคนอย่างซั่งกวนหว่าน กลับคิดว่าตัวเองจะครอบครองแดนภังคะได้กัน?

“เพราะนางอยู่ในตำแหน่งนี้นานเกินไป จึงย่อมมีความคิดเช่นนั้นเป็นธรรมดา” เจี่ยนเฟิงฉือแสยะยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย แววตาคมเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่สองปี นางจะหลงระเริงจนตัวลอยเพียงนี้?

แต่การโดนตีแสกหน้าในคราวนี้ ทำให้นางล้มกระแทกพื้นอย่างแรงเลยทีเดียว!

ริมฝีปากสีแดงสดของสุ่ยหลิวเอ๋อร์ยกยิ้มเล็กน้อย

“บัลลังก์นี้ ไม่ใช่ว่าใครจักนั่งก็ได้ และข้าไม่คิดว่านางจะอยู่บนตำแหน่งนี้ได้นานนัก”

“แต่ก็ไม่แน่ ไม่เห็นหรือว่าขณะนี้งานอภิเษกสมรสยังไม่ถูกยกเลิก?”

เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“ข้าล่ะอยากจะเห็นเสียจริง ว่าสภาพงานในวันนั้นจักเป็นเช่นไร”

สุ่ยหลิวเอ๋อร์เหลือบมองเขานิดๆ แล้วถามอย่างสงสัย

“ก่อนหน้านี้เจ้ายังจะเป็นจะตายเรื่องพวกของฉู่หลิวเยว่กับมู่หงอวี่อยู่เลยมิใช่หรือ? ไฉนยามนี้จักได้ดูผ่อนคลายแล้วเล่า?”

ย้อนกลับไปวันนั้น ตอนที่ได้ยินคนด้านนอกซุบซิบนินทา เขายังกระโดดลงไปจากหน้าต่างแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วกระชากคอคนผู้นั้นมาเค้นความด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดอยู่เลย

ทว่าตอนนี้กลับดูอารมณ์ดีขึ้นเสียอย่างนั้น

เจี่ยนเฟิงฉือหน้าตึงขึ้นมาทันที พลางบิดคอไปมาอย่างอึดอัด

ปฏิกิริยาของเขาในวันนั้นน่ะหรือ พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว เขาอาจจะขาดสติเกินไปหน่อย

ไม่สิ จะบอกว่า “ขาดสติ” เสียทีเดียวก็ใช่ว่าจะถูก

ณ ตอนนั้น ไม่มีใครรับรู้ถึงความกลัวที่เกิดขึ้นในใจเขา และมันยังฝังใจเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้

แต่ถ้าจะให้บรรยายออกมาเป็นคำพูดล่ะก็ คงจะยากเกินไปสำหรับเขา

เขากระเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง พร้อมจ้องมองนางตาถลน

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

สุ่ยหลิวเอ๋อร์กัดฟันแน่น

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือเปล่า ทั้งท่าท่างและลมปราณนั้นช่าง…แต่ต่างอย่างสิ้นเชิง ทว่าแววตาของเขาคู่นั้น…กลับดูเหมือนกันอย่างกับแกะ”

“เจ้าไปเจอเขาที่ใด?” เจี่ยนเฟิงฉือถามต่ออย่างรีบร้อน

“ที่ด้านนอกจวนใต้เท้าซย่า เหมือนเขากำลังสืบหาอันใดบางอย่าง”

สุ่ยหลิวเอ๋อร์พูดพลันขมวดคิ้ว

“แต่ถ้าเป็นเขาจริงๆ… จักปกปิดลมปราณจนแทบเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้ได้อย่างใด?”

เจี่ยนเฟิงฉือตกตะลึง

หากเป็นคนปกติจะสนใจเรื่องของจวนใต้เท้าซย่าไปไย?

เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า

“ข้าเองก็เคยเห็นเขาเหมือนกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์