อ่านสรุป บทที่ 820 จะเหมือนกับองค์หญิงใหญ่หรือเปล่า จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
บทที่ บทที่ 820 จะเหมือนกับองค์หญิงใหญ่หรือเปล่า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ค่ำคืนแห่งความวุ่นวายและสับสนได้ผ่านพ้นไป เช้าวันรุ่งขึ้น ซย่าโหวถิงอันแต่งตัวออกไปข้างนอก เพื่อสอบถามสถานการณ์
ในจวนซย่าโหวไม่มีข่าวคราวอันใดรอดออกมา ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนปกติ
แต่สิ่งนี้ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับซย่าโหวถิงอันเลย
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะซย่าโหวหรงไม่เจออันใดผิดปกติ ก็จะเป็นเจอความผิดปกติแล้วแต่ต้องปิดปากเอาไว้ก่อน
นอกเสียจากซย่าโหวหรงจะเป็นคนบ้าแล้วป่าวประกาศออกไปว่าโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนอยู่ที่ตนเอง และบัดนี้มันได้หายไปแล้ว!
หลังจากเดินวนรอบจวนซย่าโหวสองรอบ ซย่าโหวถิงอันก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขาจึงต้องเดินออกไปด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือตอนนี้ในใจของซย่าโหวหรงเต็มไปด้วยความกังวลใจ แต่ไม่ได้กังวลเรื่องโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืน แต่กังวลเรื่องชายลึกลับที่หนีออกไปในคืนก่อน
ซย่าโหวหรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินที่เขาพูด ในใจของเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
แต่จะให้เสียใจตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ฝีมือของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้อ่อนด้อย เขาติดตามอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายสลัดหนีไปเสียได้
ในตอนนี้เขาก็ไม่กล้าส่งเสียงอันใดมาก แม้ว่าเขาจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานตามหาตัวคนทั่วทั้งแผ่นดินซีหลิง แต่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายนั้นหน้าตาเป็นอย่างใด!
และซย่าโหวหรงก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร
หลังจากติดตามไปไม่ได้ ในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความกังวล ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องหนังสือของตัวเองถูกคนมารื้อค้นแล้ว
อีกทั้งโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนที่ตนเองคอยทะนุถนอมก็ได้หายออกไปจากจวนหลังนี้แล้ว!
…
ในเมืองซีหลิงสงบสุขอย่างมาก ทั้งนี้เพราะว่างานมหามงคลสมรสขององค์หญิงสามและคุณชายใหญ่ตระกูลเจียง กำลังจะเริ่มจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าแล้ว ดังนั้นหน่วยงานทุกหน่วยจึงงานยุ่งขึ้นมาบ้างแล้ว
แน่นอนว่างานมงคลสมรสของราชสำนักล้วนมีกฎและข้อปฏิบัติที่แตกต่างออกไป
โดยเฉพาะวันมงคลสมรสขององค์หญิงสาม ก็เป็นวันราชาภิเษก และแน่นอนว่าจะยิ่งใหญ่อย่างมาก
วังหลวง ตำหนักฮวาหยาง
หลังจากที่ฟื้นฟูไประยะหนึ่ง ร่างกายของซั่งกวนหว่านจึงฟื้นตัวขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว
แต่บาดแผลบนใบหน้าของนางยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ไม่จำเป็นต้องส่องกระจก แค่นางสัมผัสหน้ากับตัวเอง นางก็รู้แล้วว่าใบหน้าของตัวเองเป็นอย่างใด!
และด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าวันมงคลสมรสจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว แต่อารมณ์ของนางกลับย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ซั่งกวนหว่านกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ นางก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ก๊อกๆ!
“ฝ่าบาท ใต้เท้าจั่วมาขอพบแล้วขอรับ”
นั่นเป็นเสียงของฉานอี้นั่นเอง
ซั่งกวนหว่านกัดฟันกรอด จากนั้นก็ใช้ผ้าปิดบังหน้าตาของตัวเอง
“เข้ามาได้”
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น จากนั้นประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกมา
จั่วหมิงซีก็เดินเข้ามา
เขาเดินขึ้นมาด้านหน้าก่อนจะโค้งคำนับอีกฝ่าย
“ข้าน้อยคารวะองค์หญิงสาม”
ฉานอี้ปิดประตูเสียงเบา จากนั้นก็ยืนรออยู่ที่ด้านนอก
ซั่งกวนหว่านพูดขึ้นว่า
“ใต้เท้าจั่วลุกขึ้นยืนเถิด”
จั่วหมิงซีจึงยืนขึ้น แต่สายตายังหลุบลงต่ำเล็กน้อย แสดงถึงความเคารพอย่างที่สุด
ซั่งกวนหว่านกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า
“เวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงเวลามงคลสมรสแล้ว ใต้เท้าจั่วยังไม่มีวิธีที่จะช่วยข้ารักษาบาดแผลบนใบหน้าเลยหรือ?”
จั่วหมิงซีรีบกล่าวขึ้นว่า
“ฝ่าบาท ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานข้าได้พบวิธีรักษาจากคัมภีร์โบราณ บางทีมันอาจจะช่วยท่านได้ก็ได้”
“จริงหรือ? รีบพูดมาสิ”
แววตาของซั่งกวนหว่านเป็นประกาย พร้อมพูดเร่งเร้าเขาทันที
“ตามที่คัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้ บาดแผลบนใบหน้าของท่าน เกิดจากฝีมือของอสูรศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่ายังมีเสี้ยวพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่หลงเหลืออยู่ ดังนั้นบาดแผลเหล่านี้จึงไม่สามารถสมานกันเป็นปกติได้ แต่หากนำเลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์มาแล้วผสมกับโอสถแล้วทาลงไปที่บาดแผล จะเป็นวิธีพิษต้านพิษ จากนั้นก็ทำความสะอาดให้หมดจด บาดแผลเหล่านั้นจะสามารถหายได้โดยเร็ว!”
สีหน้าของซั่งกวนหว่านค่อยๆ มืดครึ้มมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ฟังจนจบนางก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ต้องใช้เลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...