สรุปเนื้อหา บทที่ 847 เมาสุรา – ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
บท บทที่ 847 เมาสุรา ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พอสิ้นสุรเสียง ก็พลันมีเสียงฝีเท้าอันคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นฉินอีและพี่เหลยสี่ที่ย่ำเท้าเข้ามาในครรลองสายตา
“พวกข้ากลับมาแล้ว!”
พี่เหลยสี่ป่าวประกาศอย่างกระตือรือร้น
ส่วนเชียงหว่านโจวก็เดินตามหลังพวกเขาสองคนมา
ทันทีที่เห็นอีกคน ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ก็ทอประกายวาววับ พร้อมแย้มยิ้มประดับริมฝีปากอย่างพอใจ
เชียงหว่านโจวเปลี่ยนเป็นใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งจันทราเสี้ยว และคาดสร้อยหยกสีขาวไว้ที่เอวประหนึ่งเข็มขัด ส่งผลให้เด็กหนุ่มดูสูงโปร่งและสง่างามกว่าเดิม
ผมสีทองสั้นนุ่มสลวยเปล่งประกายจางๆ ภายใต้แสงไฟ พร้อมปอยผมสองสามเส้นที่ห้อยลงมาปิดคิ้วและดวงตาคมของเขา ทำให้รัศมีรอบตัวเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาก
สันจมูกโด่งสวย ริมฝีปากแดงราวกับดอกกุหลาบ ปลายคางเรียบเนียนเสมือนหยกเนื้อดี ดูมนสวยกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัยเยาว์
ในอดีต เชียงหว่านโจวมักจะสวมแต่ชุดผ้ากระสอบซอมซ่อ ร่างกายผอมแห้งทว่าแฝงไปด้วยความดุร้าย รัศมีของเขาดูอ้างว้างและดื้อรั้นเหมือนอสูรร้ายที่จำต้องสู้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
แม้หลังจากเข้าไปในชงซูเก๋อและเริ่มติดตามฉู่หลิวเยว่เป็นเงาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งคราบเด็กหนุ่มจอมมอมแมมอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่หลิวเยว่เห็นเขาแต่งตัวเช่นนี้ พลันอดคิดในใจไม่ได้ว่า คนหน้าตาดีโดยแท้นั้น เพียงจับมาแต่งองค์ทรงเครื่องเสียหน่อย ก็สามารถสร้างความประหลาดใจให้คนมองได้แล้ว
มองแวบแรกนี่ อย่างกับคุณชายผู้สูงศักดิ์จากตระกูลผู้ดีเลย!
มู่หงอวี่และเย่หรานหร่านมองเชียงหว่านโจวอย่างตกตะลึง ราวกับว่าพวกนางไม่เคยเห็นเขามาก่อน
และเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคน เชียงหว่านโจวก็พลันตัวแข็งทื่อ สองมือสองเท้าปัดป่ายไปมาราวกับไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปยังฉู่หลิวเยว่ แต่พอเห็นว่านางกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม
หลังจากกระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันหลังและทำท่าจะเดินกลับไปทางเดิม
“ข้าจะไปเปลี่ยน”
เพราะชุดนี้ทำเขาอึดอัดใจมาก!
“ไอ้หยา…” ฉู่หลิวเยว่ดึงเขากลับมา แต่พอเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขา นางก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
แต่เมื่อเห็นว่าเขาเขินอายมากเพียงใด นางจึงไม่คิดจะแหย่ให้เขารู้สึกอายไปมากกว่านี้ พลางตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง
“เสี่ยวโจว เจ้าดูดีมาก”
เชียงหว่านโจวชะงัก และมองนางด้วยสายตาไม่มั่นใจ
“จริงหรือ?”
ขนงเรียวและดวงตาของหลิวเยว่โค้งลงเป็นรอยยิ้ม
“จริงแท้แน่นอน”
ในอดีตเขามักจะอยู่คนเดียวเสมอ และเพื่อความอยู่รอดแล้ว เขาจะต้องแข่งกับสรรพสัตว์ป่า เพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดมาไว้ในครอบครอง และฝึกฝนเพิ่มพูนความดุร้ายให้ตัวเอง
ทว่าตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว
เขามีนางและคนอื่นๆ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างกัน
เขาไม่ได้เป็นคนเร่ร่อนและโดดเดี่ยวเฉกเช่นในอดีต อีกต่อไปแล้ว
เมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาดำขลับเสมือนหยกคู่นั้น ความรู้สึกไม่สบายใจของเชียงหว่านโจวก็ค่อยๆ บรรเทาลง
“หึหึ ข้าบอกแล้วว่าชุดนี้เข้าตานางได้แน่ๆ…พวกนางดูชอบมันสุดๆ ไปเลย!”
พี่เหลยสี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่ข้างๆ เขา
ในตอนแรก ไม่ว่าจะพูดอย่างใดเจ้าเด็กนี่ก็เอาแต่ปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ และมีแต่เขาที่พูดปากเปียกปากแฉะอยู่คนเดียว จนสุดท้ายเขาต้องอ้างชื่อองค์หญิงใหญ่ จึงจะเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้ในที่สุด
แต่งตัวแบบนี้สิ ถึงค่อยดูสมวัยขึ้นมาหน่อย!
ก่อนหน้านี้เขาอยากจะพูดเหลือเกินว่า เขาหมดความอดทนกับสภาพสกปรกมอมแมมของเชียงหว่านโจวแล้วจริงๆ
ทว่าชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าขาวใสราวโปร่งแสงของเชียงหว่านโจวกลับเห่อร้อน
เขาหันศีรษะมองซ้ายทีขวาทีอย่างงุ่มง่าม แต่ใบหูสองข้างกลับมีสีแดงเรื่อ
ฉู่หลิวเยว่ลอบยิ้มในใจ
เด็กคนนี้เหมือนเม่นที่ภายนอกมีหนามปกคลุม ทำให้เข้าถึงตัวได้ยาก แต่จริงๆ แล้วข้างในกลับนุ่มนิ่มมากๆ และ… ยังมีผิวที่บอบบางมากด้วย แค่มุกตลกกะโหลกกะลา ยังทำให้เขาหน้าแดงได้ง่ายเพียงนี้
แต่ทว่า…
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองพี่เหลยสี่
คนคนนี้ คงไม่ใช่ว่าเพราะเขาเปิดเผยตัวตนไม่ได้ เลยคิดจับเชียงหว่านโจวมาแต่งองค์ทรงเครื่องแทนตัวเองหรอกนะ?
อย่างใดเสีย เมื่อก่อนเขาก็เป็นถึงคุณชายรูปงาม ทว่าตอนนี้กลับต้องแปลงโฉมเป็นชายฉกรรจ์อกสามศอกเสียอย่างนั้น
…
ครั้นเห็นว่าเชียงหว่านโจวพอจะคุ้นชินกับการแต่งตัวเช่นนี้แล้ว ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ในเมื่อมาพร้อมหน้าแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ! เหล่าท่านอาจารย์คงรอเราอย่างใจจดใจจ่อแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางก็มองพวกของฉินอี
“เช่นนั้น… พวกข้าขอตัวลา”
ฉินอีจึงตอบกลับเบาๆ ว่า
“ในเมื่อถึงซีหลิงแล้ว เช่นนั้นพวกข้าก็จักขอแยกทางเช่นกัน ข้ากับพี่เหลยสี่จะพักอยู่ที่โรงเตี้ยมก่อนหน้านี้ต่ออีกเสียหน่อย หากต้องการความช่วยเหลืออันใด ก็ให้ไปหาพวกข้าที่นั่นแล้วกัน”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยอย่างแน่วแน่
“ตกลง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...