หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เดินออกจากพระราชวังได้ไม่นานนัก นางก็ได้พบกับซุนฉีที่กำลังตามหานางอยู่พอดี
“คุณหนูฉู่ คุณชายใหญ่ของข้า อยากเชิญท่านไปเยี่ยมชมสวนซินหลี่สักครา”
ซุนฉีพูดด้วยน้ำเสียงที่กระชับและสุภาพ
ในใจของฉู่หลิวเยว่กลับมีความสงสัยขึ้นมา
ในเวลาเช่นนี้ เจียงอวี่เฉิงมาตามหานางเพื่ออันใดกัน?
ทั้งยังจะให้ไปสวนซินหลี่อีกอย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย และกล่าวว่า
“วันนี้คุณชายเจียงน่าจะยุ่งมากนะ เหตุใดเจ้ากลับมีเวลามาหาข้า มีอันใดด่วนหรือเปล่า?”
ก่อนงานวันอภิเษกสมรส ไม่ใช่ว่าเจียงอวี่เฉิงควรจะกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานในวันพรุ่งนี้หรอกหรือ?
หรือเพราะจะ… ถูกจับได้เรื่องกู่ฉินแล้ว?
ขณะที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของฉู่หลิวเยว่ นางก็รีบปฏิเสธทันที
เป็นไปไม่ได้
เรื่องราวในวันนั้นนางได้ทำมันอย่างลับๆ โดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ อีกทั้งตั้งแต่นั้นมา นางก็ไม่เคยใช้รอยประทับดอกท้อบนข้อมือในการเคลื่อนย้ายต่อหน้าใครเลย
หรือว่าตัวตนของเซี่ยมู่อาจจะถูกเปิดเผยเสียแล้ว?
แต่ก็ดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้
คนเหล่านี้คงไม่ได้รับรู้เรื่องราวของเพลิงแห่งกรรมโปร่งใสในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้นแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใดในสองสถานการณ์นี้ เจียงอวี่เฉิงจักต้องตามหานางเพื่อคิดบัญชีด้วยตนเองอย่างแน่นอน แต่เขาไม่น่าจะส่งซุนฉีมา เพราะอีกฝ่ายนั้นดูสุภาพและให้เกียรติยิ่งนัก
“ข้าน้อยผู้นี้ก็ไม่ทราบเช่นกัน”
ซุนฉีโน้มหัวลงเล็กน้อย
“ทว่าก็เอาตามที่คุณหนูฉู่สะดวกเถิดขอรับ”
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ไม่อยากจะตอบรับคำเชิญนี้
เพราะยิ่งเห็นเจียงอวี่เฉิงมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยง นับประสาอันใดกับคำเชิญพิเศษเช่นนี้ เพียงแค่คิดเล่นๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างแล้ว
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดนางก็พยักหน้าตอบ
“ก็ได้”
…
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน ในที่สุดความรู้สึกเจ็บปวดและความคันไปทั่วใบหน้าของซั่งกวนหว่าน ก็ค่อยๆ จางหายไป
เวลานี้ ร่างของนางเปียกโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับว่าร่างทั้งร่างนั้นจะทรุดลงได้ทุกเมื่อ
แต่หลังจากที่นางตื่นขึ้น สิ่งแรกที่นางทำก็คือรีบวิ่งไปที่กระจกสีบรอนซ์ข้างๆ เพื่อส่องมองหน้าตาของตนเอง
ใบหน้าเดิมของนางสะท้อนอยู่ในกระจกสีบรอนซ์
บาดแผลที่เคยเป็นหนองอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ได้ตกสะเก็ดไปแล้ว! และเหลือเพียงรอยแผลเป็นสีชมพูอ่อนๆ เท่านั้น!
แม้ว่ามันจะยังดูแย่ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก!
ซั่งกวนหว่านมีความสุขมากและสัมผัสใบหน้าของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับเลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์มาได้ไม่นาน และมันกลับได้ผลเร็วเกินคาด!
และหากใช้ยาอื่นเสริมเข้าช่วยในภายหลัง ไม่นานมันจะสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่แน่นอน!
ปัญหาเรื่องหน้าตาทรมานจิตใจของนางมานานเกินไปแล้ว และตอนนี้นางก็สามารถถอนหายใจด้วยความ
โล่งอกได้ในที่สุด
“ข้าจักต้องกลับมางดงามดังเดิมให้ได้…”
ซั่งกวนหว่านพึมพำเสียงต่ำ ดวงตาของนางฉายแววดื้อรั้นและน่ากลัว
“เข้ามา!”
ฉานอี้ที่รออยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเรียก พลันผลักประตูให้เปิดออกทันที
“องค์หญิงทรงมีรับสั่งอันใดหรือเจ้าคะ?”
นางโค้งคำนับด้วยความเคารพ พลันเงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความยินดี
“องค์หญิง ใบหน้าของท่านดีขึ้นแล้ว…”
ถึงแม้ว่าซั่งกวนหว่านจะเกลียดการที่คนอื่นพบเห็นใบหน้าอันเสียโฉมของนาง แต่ขณะนี้นางจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับดีใจที่มีฉานอี้คอยอยู่เคียงข้าง เช่นนั้นนางจึงไม่ถือสาเรื่องนี้แล้ว
“แต่ก็ยังต้องดูแลมันต่อไป ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้าไปเตรียมชุดให้ข้าด้วย”
ฉานอี้รีบตอบรับ
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!”
หรือว่าในระหว่างทางเขาได้แวะไปที่อื่น?
แต่ยามนี้แล้ว เขายังจะไปที่ไหนได้อีกล่ะ?
ซั่งกวนหว่านมาเสียเที่ยวอีกแล้ว และนั่นทำให้นางรู้สึกไม่พอใจมาก
แต่ในขณะที่นางตั้งใจจะรอเขาอยู่ที่นี่ ทันใดนั้นนางกลับนึกขึ้นได้ว่า ในวันนั้นตอนที่นางอยู่ในห้องทรงงาน เจียงอวี่เฉิงพยายามรีบซ่อนภาพวาดภาพนึงไว้
นี่ถือว่าเป็นโอกาส ที่จะได้รู้ว่ามันคืออันใดกันแน่!
พอเป็นเช่นนั้น ซั่งกวนหว่านจึงวางแผนที่จะไปดูในห้องทรงงานเสียก่อน
แต่เมื่อนางเดินไปถึงประตู กลับถูกทหารยามที่คอยเฝ้าดูอยู่เข้ามาขวางไว้
“องค์หญิงขอรับ คุณชายใหญ่มีรับสั่งว่า หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องทรงงานได้ตามอำเภอใจ ท่านไปพักที่ห้องข้างๆ นี้จะดีกว่า”
เมื่อซั่งกวนหว่านได้ยินคำพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับหัวเราะออกมา
“ข้ากำลังจะสมรสกับอวี่เฉิงในวันพรุ่งนี้แล้ว กับแค่ห้องทรงงานแค่นี้ ให้ข้าเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?”
เหล่าบรรดาเวรยามมองหน้ากันด้วยความตกใจ และต่างก็รู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองฝ่ายต่างยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะหลีกทางให้แก่นาง
เพราะสุดท้ายแล้ว หากตำแหน่งของซั่งกวนหว่านถูกยกระดับให้สูงขึ้น พวกเขาก็จะยิ่งขัดใจนางไม่ได้
ก่อนหน้านี้นางก็เคยเข้าไปยังห้องทรงงานตั้งหลายครา คงจะ… ไม่มีปัญหาอันใดหรอก
จากนั้นซั่งกวนหว่านก็เข้าไปยังห้องทรงงานตามที่นางต้องการ
สำหรับนางแล้ว ถึงแม้จะพูดไม่ได้ไม่เต็มปากว่านางรู้จักสถานที่แห่งนี่ดี แต่เนื่องจากว่าเมื่อก่อนนางเคยมาที่นี่นับหลายครั้ง เช่นนั้นก็คงถือว่าคุ้นเคยกันแล้ว
ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือและภาพวาดสะสมมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นมักจะเป็นสิ่งของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
แต่อาจเป็นเพราะตัวนางเองมีของดีอยู่ไม่น้อยเลย ฉะนั้นเจียงอวี่เฉิงจึงไม่ค่อยสนใจสิ่งเหล่านี้มากนัก
บนโต๊ะและชั้นวางหนังสือมีสมบัติมากมายวางก่ายกองอย่างระเกะระกะ
ในใจของซั่งกวนหว่านกลับยิ่งรู้สึกสงสัย
ตามวิสัยทัศน์ของเจียงอวี่เฉิงแล้ว ต้องเป็นรูปภาพแบบไหนกันนะที่สามารถทำให้เขาหวงแหนได้ถึงเพียงนั้น
นางพยายามนึกถึงภาพที่ได้พบเห็นในวันนั้น แล้วเดินไปข้างๆ โต๊ะพลางคลำดูอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งในที่สุดก็ได้พบช่องลับ และเปิดช่องที่ซ่อนอยู่ในความมืดเบื้องล่างนั้นออกมา!
ก่อนจะพบกล่องไม้กล่องหนึ่งนอนเงียบๆ อยู่ในนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...