เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 877

ในใจซั่งกวนหว่านพลันรู้สึกว่าตนกำลังล่องลอยอยู่บนความวิตกและความหวาดหวั่นอันไร้ที่สิ้นสุด นางกรีดร้องออกมาเสียงหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว นางรีบยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าของตนทันทีทันใด

ทว่าในตอนที่นางหยุดชะงักไปเมื่อครู่ ผู้คนต่างก็เห็นได้อย่างเต็มตาตนแล้ว!โนเวล-พีดีเอฟ

ดวงหน้าที่แต่เดิมนั้นงดงามหยดย้อยพลันปรากฏบาดแผลมากมายผุดขึ้นมาไปทั่วใบหน้าเสียจนอัปลักษณ์หาที่เปรียบมิได้ เมื่อมองจากที่ไกลๆ แล้ว ประหนึ่งว่ามีตะขาบแผ่กระจายพาดผ่านบนดวงหน้า ทำผู้คนขยาดหวาดกลัวกันทั่ว!

ในบรรดาสายตาของผู้คนที่พลันตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันอันน่าประหลาดพิกล คนจำนวนไม่น้อยต่างเหม่อมองหน้ากันด้วยความตกใจกลัว ราวกับคลื่นอารมณ์เบื้องใต้พัดถาโถม

มิน่าเล่า ช่วงก่อนนี้หลังจากที่องค์หญิงสามกลับมาจากแดนภังคะ ก็ประกาศแก่ภายนอกว่าป่วยจนไม่สามารถออกมาจากตำหนักฮวาหยางได้

หลังผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนขอเข้าพบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าปัญหาที่ต้องให้นางจัดการด้วยตนเองเองก็ยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน นางจึงเริ่มออกมาพบผู้คนอีกครั้งหนึ่ง ทว่าโดยส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่ออกมาจากบริเวณตำหนัก

ผู้คนต่างคิดเพียงแค่ว่านางได้รับบาดเจ็บแทนฝ่าบาทจริงๆ ดังนั้นจึงต้องการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายอย่างเงียบเชียบ กลับมิรู้เลยว่าเหตุผลเบื้องหลังที่แท้จริงจะเป็นเช่นนี้!

…ใบหน้าของนางถูกทำลายไปแล้วโดยสิ้นเชิง!

เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจากรอบข้างกำลังจับจ้องอยู่ที่ตน ในใจซั่งกวนหว่านก็บังเกิดความเกลียดชัง บันดาลโทสะและความเคียดแค้นจนถึงขีดสุด!

แม้ว่าก่อนนี้นางจะได้รับโลหิตของอสูรศักดิ์สิทธิ์มาจากฉู่หลิวเยว่ ทำให้บาดแผลบนใบหน้าเริ่มสมานตัวกัน ทว่าเพราะรับยาไปได้ไม่นาน ใบหน้าจึงยังฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์นัก

บาดแผลแตกลึกเหล่านี้ดีขึ้นมากแล้วเมื่อเทียบกับตอนที่ใบหน้าของนางเน่าเปื่อยอยู่ตลอดเวลา ทว่าในสายตาของผู้คนที่มองมากลับรู้สึกว่ามันยังคงน่ากลัวมิเปลี่ยนแปลง!

ซั่งกวนหว่านสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ภาวนาอยากให้ตนหายตัวไปจากตรงนี้ได้เสียเดี๋ยวนี้

รอบข้างที่เงียบกริบไร้สุ้มเสียงกลับทำให้นางรู้สึกทรมานหาสิ่งใดเปรียบ!

“องค์หญิง…”

ฉานอี้ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังมองเห็นถึงสถานการณ์เป็นคนแรกที่รู้สึกตัว นางสาวเท้าก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างรีบร้อน คิดเข้าไปประคองซั่งกวนหว่าน

“ไสหัวไป!”

ซั่งกวนหว่านผลักฉานอี้ให้ถอยห่างออกไป!

มาถึงตอนนี้แล้ว คนทั้งหมดจะหัวเราะเยาะนางอย่างใดก็ช่าง!

นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง นางกวาดสายตาไปโดยรอบอย่างรวดเร็วก็สบเข้ากับหน้ากากที่แตกแล้วใบหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้น

มันเปรอะไปด้วยฝุ่นผงและคราบเลือดบางๆ เคลือบอยู่ชั้นหนึ่ง ดูแล้วสกปรกโสโครกเสียนี่กระไร

ก็เหมือนกับใบหน้าของนางที่ถูกคนฉีกกระชากและเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี!

นางค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นมามองไปยังฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงกันข้าม ภายในนัยน์ตาสองข้างเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ราวกับว่าต้องการจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย!

“เจ้า…จงใจนี่!”

ทุกคำพูดของซั่งกวนหว่านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันก็มิปาน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความโกรธเคืองและเคียดแค้นอันลึกล้ำ!

คนที่รู้ว่าใบหน้าของนางถูกทำลายทั้งสิ้นแล้วมีเพียงไม่กี่คน ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ เห็นชัดเลยว่าต้องการให้นางอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนทั้งหมด!

ฉู่หลิวเยว่มองมาที่นาง บนใบหน้าเองก็ปรากฏความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“อา องค์หญิงสาม ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เมื่อครู่ข้าพลั้งมือไปหน่อย ท่าน…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

พลั้ง มือ ไป หน่อย หรือ!?

ซั่งกวนหว่านแทบทั้งโกรธทั้งขันกับประโยคนี้!

นางประเมินฉู่หลิวเยว่ต่ำเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่ากระทั่งเหตุผลเช่นนี้ก็ยังสามารถปั้นแต่งขึ้นมาได้!

ในมือของฉู่หลิวเยว่กุมคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไว้ ตรงนี้เองก็มีคนมากมาย เหตุใดจึงต้องเจาะจงตีนางด้วยเล่า?!

ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำหน้ากากของนางหล่นอีก!

จะมาพูดว่าไม่ได้ตั้งใจ ตีให้ตายซั่งกวนหว่านก็เชื่อไม่ลง!

“เจ้าคนน่าชังนี่…”

“หว่านเออร์!”

ในตอนที่ซั่งกวนหว่านกำลังจะหลุดคำผรุสวาทออกมานั่นเอง เจียงอวี่เฉิงที่อยู่ด้านข้างพลันเปิดปากตัดบทนาง!

เขาเดินสาวเท้าเข้ามาด้วยใบหน้าสุขุม

“ร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว ไปรักษาแผลก่อนเถิด เรื่องที่เหลือยกให้ข้าจัดการเอง”

ซั่งกวนหว่านบัดนี้ถูกยั่วโมโหจนเสียสติไปแล้ว ถ้าหากยังปล่อยให้นางโหวกเหวกโวยวายต่อ ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็เป็นได้

“ใต้เท้าจั่ว!”

เขาตะโกนเรียกจั่วหมิงซีด้วยเสียงดังสนั่นครั้งหนึ่ง

จั่วหมิงซีรุดก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง

“บาดแผลขององค์หญิงสามคงต้องฝากท่านแล้ว”

“ขอรับ!”

จั่วหมิงซีขานรับคำอีกครา ล้วงมือหยิบเอายาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมา

“ข้าไม่ไป!”

วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของนาง แล้วยังเป็นวันพิธีขึ้นครองราชย์ของนางด้วย!

นางคือตัวหลักของงานในวันนี้ เหตุใดนางต้องไปด้วย!?

พิธีขึ้นครองราชย์ยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ จะให้นางไปไหนกัน?

นางเองก็อยากจะดูว่าวันนี้ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้จะสามารถพลิกคลื่นชีวิตอันใดได้อีก!

จั่วหมิงซีส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเจียงอวี่เฉิง

เจียงอวี่เฉิงก็มิได้บีบบังคับนาง แค่ซั่งกวนหว่านรู้ว่าตัวเองเรืองอำนาจก็พอแล้ว

ถ้าหากว่านางจากไปจริงล่ะก็ สถานการณ์ในวันนี้คงดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม

เขาผงกศีรษะ

“ดูแลองค์หญิงสามให้ดี”

พูดจบก็หมุนกายมองไปทางฉู่หลิวเยว่

บนใบหน้าของเขาไร้ซึ่งรอยยิ้มอ่อนโยนยามเริ่มพิธีอภิเษกสมรส บัดนี้มีเพียงความเย็นเยียบที่ควบรวมกันแน่น บริเวณหว่างคิ้วเองก็เจือไปด้วยโทสะ

“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าตั้งใจทำร้ายองค์หญิงสามมีโทษแบบใด!”

กระทั่งเขาเอง ก็ยังคิดว่าเมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่จงใจทำ

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่ง เหลือบสายตาไปมองคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งในมือแวบหนึ่ง

บัดนี้ ลำแสงสีทองที่ตัดผ่านผืนฟ้าได้เลือนจางหายไป หลงเหลือเพียงแค่นัยน์ตามังกรคู่หนึ่งที่ยังคงเปล่งประกายแสงสว่างจ้า สดใสระยิบระยับแลมีแรงกดดันมหาศาล!

ต้องอธิบายอย่างใดพวกเขาจึงจะยอมเชื่อ เมื่อครู่นี้นางไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ เป็นเจ้าคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งต่างหากที่ทำของมันเอง…

ในตอนที่มันกำลังตื่นขึ้นมาจากการถูกปลุก ลมปราณทั่วร่างพลันปะทุออก นางยังไม่ทันตอบโต้อันใด มันก็พุ่งเข้าโจมตีซั่งกวนหว่านเสียเต็มแรงแล้ว!

ในสายตาของนางแล้ว เมื่อครู่จะพูดว่าเป็นการโจมตีก็คงไม่ใช่ เรียกได้ว่าเหมือนการเตือนกลายๆ เสียมากกว่า

มิเช่นนั้นแล้ว บาดแผลของซั่งกวนหว่านย่อมมากกว่านี้แน่!

คิดมาถึงตรงนี้ นางก็หรี่ตาลงแล้วมองไปยังซั่งกวนหว่าน

“พูดความจริงแบบไม่ปิดบังแล้วกัน เมื่อครู่เป็นคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งที่ลงมือเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์