ตอน บทที่ 932 อาจารย์ขอพึ่งเจ้า จาก ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 932 อาจารย์ขอพึ่งเจ้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ที่เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
สามวันต่อมา ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ทำการเลือกผู้ติดตามเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสผิงเหลียงเพื่อออกเดินทาง
ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ติดตามเดินทางไปกับนางทั้งสิ้นสิบคน
ห้าคนแรกเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากสำนักวิชาที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เจี่ยนเฟิงฉือ อวี่เหวินจิงหง มู่หงอวี่ เชียงหว่านโจว และอู๋หมิงจากสำนักนิมิตสวรรค์
ส่วนอีกห้าคนก็คือผู้มีอำนาจสูงสุดในซีหลิง ได้แก่ ผู้อาวุโสประจำราชสำนักอย่างผู้อาวุโสเฉินเค่อและผู้อาวุโสซูจิ่น ผู้อาวุโสซย่าอี้ ผู้อาวุโสเซียวหรานแห่งสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และฉินอี
แน่นอนว่าตอนนี้ฉินอีกลับมาใช้ชื่อเดิมของเขาอย่าง เฉินอี อีกครั้งแล้ว
“ท่านนายพลเมิ่ง เมื่อข้าไปแล้ว ข้าขอมอบความไว้วางใจให้เจ้าปกป้องซีหลิง”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวกับเมิ่งจิงจื่ออย่างเคร่งขรึม
เมิ่งจิงจื่อประสานกำปั้นน้อมรับ
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”
เขาสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อราชวงศ์เทียนลิ่งไปจนตาย ดังนั้นเขาย่อมทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อปกป้องรักษาสถานที่นี้ให้ปลอดภัย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับรู้พลันโล่งใจ
นางสามารถไว้ใจคนอย่างเมิ่งจิงจื่อได้
ตั้งแต่การสับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบล่าสุด ทำให้หน่วยงานต่างๆ ในเมืองซีหลิงมีตำแหน่งว่างมากมาย
ตัวอย่างเช่น กองทัพทหารม้าทมิฬที่สูญเสียรองแม่ทัพมู่ชิงเห่อไป ทำให้มังกรเสียหัวไร้ผู้นำทัพ
และในด้านอื่นๆ ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย
ซึ่งการที่นางพาผู้ติดตาม รวมถึงผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ ไปยังราชวงศ์เป่ยหมิงในครานี้ จะเป็นการลดการป้องกันเมืองของนครซีหลิงลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ฉะนั้นในเวลานี้ เมิ่งจิงจื่อย่อมเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลสถานการณ์บ้านเมืองแทนนาง
ผู้ที่สามารถควบคุมชายแดนตะวันตกได้หลายปีอย่างเขา ย่อมสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาภักดีต่อราชวงศ์เทียนลิ่งอย่างแท้จริง
“เยว่เอ๋อวางใจเถิด พ่อเองก็อยู่ และจะช่วยดูแลทุกอย่างให้อย่างดีแน่นอน”
ซั่งกวนโหยวกล่าวอย่างแน่วแน่
ฉู่หลิวเยว่ผงกหัวทีนึง
แม้ในปัจจุบันท่านพ่อจะสละราชบัลลังก์เป็นพระเจ้าหลวงไปแล้ว แต่ท่านก็ขึ้นครองราชย์มานานหลายปี แน่นอนว่าท่านต้องดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ดีกว่านาง
นางไม่มีอันใดต้องกังวลแล้ว
“เช่นนั้นข้าขอฝากท่านพ่อด้วย พวกข้าต้องไปแล้ว”
หลังจากพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปพยักหน้าให้คนที่อยู่ข้างๆ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายเริ่มหมุนวนช้าๆ!
ซั่งกวนโหยวก้าวไปข้างหน้า
“ระวังตัวด้วยนะเยว่เอ๋อ! พ่อจะคอยเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าให้ซั่งกวนโหยวอย่างจริงจัง
พลันมีแสงสว่างวาบขึ้นภายในค่ายกล!
แล้วร่างของกลุ่มคนก็หายลับไปทันที!
ซั่งกวนโหยวมองไปยังจัตุรัสที่ว่างเปล่าด้วยสีหน้านิ่งสงบ ทว่าเฉียบขาด
ขอให้การเดินทางครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นด้วยเถิด!
…
หลังจากเข้ามาในค่ายกลเคลื่อนย้าย บรรยากาศรอบด้านล้วนตกอยู่ในความมืด ผู้อาวุโสเฉินเค่อหยิบไข่มุกธาราประธีปออกมา เพื่อให้แสงสว่างแก่เพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ
“ในการเดินทางครานี้ พวกเราจักต้องใช้เวลานานเท่าใดหรือ…”
มู่หงอวี่พึมพำอย่างใคร่รู้
“การเดินทางใช้เวลาประมาณห้าวัน และระหว่างทางนั้นเราจะต้องเคลื่อนย้ายผ่านค่ายกลสี่ตัว”
ฉู่หลิวเยว่อธิบาย
มู่หงอวี่ส่งเสียง “จิ๊” ออกมาเบาๆ
“นั่นมันไกลกว่าตอนที่เราไปแดนภังคะอีกมิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและพยักหน้าให้นาง
“ที่ตั้งของราชวงศ์เทียนลิ่งอยู่ไกลจากที่นั่น และอาณาเขตของราชวงศ์เป่ยหมิงนั้นใหญ่โตกว้างขวางกว่าราชวงศ์เทียนลิ่งถึงสองเท่า แม้เราจะไปถึงชายแดนของพวกเขาแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะถึงหลินโจว”
“อย่างนี้นี่เอง… จะบอกว่าราชวงศ์เป่ยหมิงมีอำนาจมากสินะ?”
มู่หงอวี่ไม่ใช่คนของราชวงศ์เทียนลิ่งโดยกำเนิด ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติของราชวงศ์เทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...