บทที่ 931 จิตวิญญาณของข้า – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ตอนนี้ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 931 จิตวิญญาณของข้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ และพลิกอ่านหน้าแรกของตำราในมืออย่างระมัดระวัง
เมื่อพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ ความประหลาดใจและความสงสัยในใจนาง ก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!
สิ่งที่เขียนไว้บนนั้นดูยุ่งเหยิงไปหมด เนื้อหาต่างๆ ไม่สอดคล้องกัน แต่กลับมีบางอย่างแฝงอยู่ในความคลุมเครือนั่น
มันเหมือนภาษาลับบางอย่าง
ถวนจื่อดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติแล้วนั่งลงข้างๆ นางอย่างเชื่อฟัง มันจ้องมองตำราไปพลางมองนางไปพลาง ก่อนจะกลอกตาโตๆ ไปมา
ฉู่หลิวเยว่ยืนอ่านตำราอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน
เมื่อนางเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย ในที่สุดก็มีประโยคหนึ่งที่นางเข้าใจได้
“รัชศกซินหยวนลี่ ปีที่สามพันห้าร้อยเจ็ดสิบสอง การหวนคืนของวันแรกในฤดูใบไม้ร่วง”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองประโยคนั้นเป็นเวลานาน
รัชศกซินหยวนลี่…
ในประวัติศาสตร์พันปีของราชวงศ์เทียนลิ่งไม่มีชื่อปีรัชศกดังกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น เท่าที่นางรู้ ราชวงศ์รอบข้างบางราชวงศ์ก็มีอายุไม่ถึงสามพันปีด้วยซ้ำ
เช่นนั้นเวลาที่จดบันทึกนี้ ตกลงแล้วเป็นรัชศกของผู้ใด และเหล่าหมายถึงวันใดกันแน่?
การหวนคืนของวันแรกในฤดูใบไม้ร่วง…
หรือประโยคนี้จะสื่อว่า จากไปในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ?
แต่นี่คือลายมือของนาง แล้วการหวนคืนเล่า จะหมายความเช่นไร?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนถูกชั้นหมอกหนาบังตา จนมองอันใดไม่ออก
และนางสังหรณ์ในใจว่าตำราเล่มนี้น่าจะเป็นบันทึกส่วนตัว
แต่จริงๆ แล้วนางจำไม่ได้เลยว่านางเขียนข้อความเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อหาในนั้นคืออันใด
หรือประโยคที่เขียนไว้ในหน้าสุดท้าย จะหมายถึงจุดจบของบางอย่าง?
ฉู่หลิวเยว่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
นางพลิกหน้ากระดาษดูซ้ำๆ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
นางเป็นคนเขียนบันทึกเล่มนี้ และก็น่าจะเป็นนางที่วางมันไว้ตรงนี้
แต่นางกลับไม่มีความทรงจำของสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
“บางที…มันอาจจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำนั่นด้วย…”
ฉู่หลวิเยว่พึมพำเสียงต่ำ
ขณะเดียวกัน ก็มีคลื่นความผันผวนก่อตัวขึ้นในร่างกายของนาง!
ความผันผวนนี้แผ่ออกมาจากยอดเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ!
ผนึกที่บนยอดนั้นยังอยู่ดีไม่บุบสลาย แต่เหมือยว่ามีบางอย่างพยายามทะลวงพังมันออกมามากกว่า!
ฉู่หลิวยเยว่ตกตะลึง
การเคลื่อนไหวแบบนี้… หรือจะเป็นเพราะบันทึกที่อยู่ในมือนาง!?
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความผันผวนก็หยุดลงและความสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่งและใช้ความคิดเงียบๆ
“องค์ไท่จู่”
นางกล่าวทันที
“มีกระไรหรือนังหนู?”
เสียงขององค์ไท่จู่ดังก้องในหูนางชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าตอบ
“ข้ามีเรื่องจะถามท่านเสียหน่อย”
“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าในเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำในกายข้า มีจิตวิญญาณของซั่งกวนผู้หนึ่งถูกผนึกไว้อย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง! แล้วอย่างใดหรือ?”
“ที่ข้าอยากถามก็คือ ท่านน่าจะรู้ว่าจิตวิญญาณนี้เป็นของผู้ใด ใช่หรือไม่?”
องค์ไท่จู่เงียบเสียงลงทันควัน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่หนักอึ้งราวกับถูกทุบด้วยของหนัก
ก่อนจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากเบาๆ
“ข้างในนั้น… คือจิตวิญญาณของข้าใช่หรือไม่?”
…
ภายในห้องทรงงานมีเพียงความเงียบงัน
หลังจากฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามเช่นนั้น องค์ไท่จู่ก็ไม่ได้ตอบกลับและเงียบหายไปนานพักใหญ่
ราตรีกาลคืบคลานเข้ามา ดวงจันทราส่องแสงสว่างไสวลอยเด่นเหนือท้องนภา
เส้นแสงสุกสกาวสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เงายาวทอดตัวออกมาจากร่างสูงเพรียวของเอกสตรีที่อยู่ในห้อง
แสงจันทร์สะท้อนบนใบหน้างามดั่งตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของนาง ใบหน้าซีกหนึ่งสว่างนวลผ่องและอีกซีกกลับกลืนหายไปในความมืด
นางหลุบตาลงเล็กน้อย แววตาของนางดูลึกล้ำราวกับทะเลสาบที่ไร้ก้นบึ้ง ทั้งลึกลับและคาดเดาไม่ได้
สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดโชยมา พลันแล่นริ้วพริ้วไหวไปตามชายเสื้อของนาง
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดองค์ไท่จู่ก็ถอนหายใจยาวเหยียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...