“บังอาจนัก!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทีของอิ่นเฮ่าก็เปลี่ยนไปทันที เขาตวาดเสียงดังลั่น
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นใคร!”
ทว่าท่าทางของนายทหารทั้งสองกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงยื่นนิ่งไม่แยแส
“ที่พำนักของราชวงศ์ไท่อวี่อยู่บนถนนสายถัดไป ไม่ใช่ที่นี่”
อิ่นเฮ่าแทบสำลัก
แสดงว่าก็รู้จักตัวตนของถานไถเฉินมิใช่หรือ
แต่แล้วไยพวกเขาจึงยังดื้อรั้นอยู่อีก หรือว่า…
“เป็นไปไม่ได้! พวกเจ้าต้องพลาดแน่ๆ!”
อิ่นเฮ่าก้าวไปข้างหน้าพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล
พวกเขาเตรียมที่พักไว้ทั้งหมดสี่ที่ สองที่แรกถูกครอบครองแล้ว และเหลือเพียงสองที่สุดท้าย
และเมื่อเทียบกันระหว่างสองที่สุดท้ายแล้ว ชัดเจนว่าวังหลังนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ
ในยามนี้มีเพียงคนจากราชวงศ์ไท่อวี่และราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น ที่ยังไม่ได้เข้าพักที่ใด
แต่แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่า ราชวงศ์ใดควรได้พักในที่ๆ ดีกว่า?
ทว่าทหารรักษาการณ์สองคนนี้รับผิดชอบดูแลที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมมิอ่อนแออย่างที่คิด และพวกเขาก็ไม่กลัวอิ่นเฮ่าด้วย
“ใต้เท้าอิ่น พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง โปรดอย่าสร้างความลำบากให้พวกเรา”
“นี่พวกเจ้า…”
อิ่นเฮ่าต้องการพูดต่อ ทว่าถานไถเฉินที่อยู่ข้างๆ เขากลับเย้ยหยันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“พวกเจ้าจะบอกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่พักสำหรับราชวงศ์ไท่อวี่ของพวกข้า แต่เป็นของราชวงศ์เทียน
ลิ่งอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากพูดจบ นายทหารทั้งสองก็พยักหน้าพร้อมกัน
“ถูกต้อง!”
คำพูดที่เหลือของถานไถเฉินถูกปิดกั้นเก็บไว้ในลำคอทันที!
แม้แต่อิ่นเฮ่าเองก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ ราวกับจะกลืนไข่เข้าไปได้อย่างใดอย่างนั้น
“อะ อันใดกัน?”
“หือ? ดูเหมือนว่าวังแห่งนี้จะถูกสงวนไว้สำหรับข้าสินะ?”
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในความเงียบ ก็พลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
เมื่อพวกเขาหันหน้าไปมอง ก็เห็นฉู่หลิวเยว่กระโดดลงจากรถม้า แล้วยืนหยัดอยู่บนพื้นอย่างสวยงาม
เนื่องจากถนนสายนี้กว้างขวางมาก และสามารถรองรับขบวนรถม้าได้ถึงสองคัน ดังนั้นรถม้าของพวกเขาจึงจอดอยู่ข้างๆ ขบวนของถานไถเฉินและคนของเขา
กลุ่มของฉู่หลิวเยว่ได้ยินการสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่อย่างชัดเจน
นางเอนตัวพิงรถม้า พลันเอามือกอดอก พร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของนาง
เดิมทีนางก็เกิดมาสวยสดงดงามอยู่แล้ว และพอยิ้มเช่นนี้ก็ยิ่งเสริมให้นางพราวเสน่ห์มากขึ้น จนคนมองหวั่นไหวกันให้ขวักโนเวล-พีดีเอฟ
“พร่ำเพ้ออันใดของพวกเจ้ากัน!?”
ถานไถรั่วหลีเองก็ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ และรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม นางจึงสาวเท้าไปที่ประตูทันที แล้วตะโกนใส่นายทหารทั้งสองคนอย่างรุนแรง
“คำสั่งหรือ? พวกเจ้ารับคำสั่งใครกัน?!”
นายทหารสองคนขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้านาง
“แน่นอนว่าต้องเป็นองค์รัชทายาท!”
สำหรับการเปิดหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงในครั้งนี้ องค์รัชทายาทคือผู้ที่ส่งจดหมายเชิญไปยังราชวงศ์ต่างๆ เองทั้งหมด แม้แต่การจัดการเรื่องที่พักก็ไม่เว้น
และยังแจ้งไว้โดยเฉพาะอีกว่า พระราชฐานแห่งนี้สงวนไว้สำหรับราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น!
หลังจากพูดจบ นายทหารทั้งสองก็หันไปทำความเคารพแก่ฉู่หลิวเยว่ พลางเอ่ยด้วยท่าที่สุภาพยิ่งกว่าเมื่อครู่ก่อนหลายเท่า
“องค์รัชทายาททรงตรัสไว้ว่า ท่านโปรดพักอยู่ที่นี่ตามอัธยาศัย และหากต้องการหรือรับสั่งประการใด ก็ทูลถามได้ทุกเมื่อ”
ทัศนคติเช่นนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ!
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้น พร้อมกับกดยิ้มลึกล้ำ และเดินไปข้างหน้าทันที
รองเท้าหนังที่ตัดเย็บอย่างดีและประณีต เหยียบย่ำลงบนพื้นจนเกิดเสียงกุกกัก ประหนึ่งค้อนหนักๆ ที่กระแทกหัวใจของถานไถเฉินและคนอื่นๆ ทีละคน!
แม้แต่อิ่นเฮ่าก็ยังต้องเอ่ยเตือนนาง
ถ้าอยากตายคนเดียวย่อมไม่มีใครว่า แต่อย่าดึงคนอื่นไปลงนรกด้วย!
เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ อิ่นเฮ่าก็ไม่กล้าถามอันใดไปมากกว่านี้ และร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านทั้งสองอย่าได้เข้าใจผิดไปเลย เป็นเพราะข้าไม่ได้สอบถามให้ดี จึงเกิดความผิดพลาดขึ้นเช่นนี้ พวกข้าจะไปแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้! เพียงแต่อย่ารายงานเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาทเป็นกังวลก็พอ แล้ววันหลัง วันหลังข้าจักเลี้ยงสุราท่านทั้งสองเป็นการตอบแทนแน่นอน พวกท่านว่าอย่างใด?”
หลังจากพยายามอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบสอพลอสุดฤทธิ์ ในที่สุดนายทหารรักษาการณ์ทั้งสองก็พยักหน้าตกลง
อิ่นเฮ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ถานไถเฉินและเอ่ยเสียงเบาว่า
“เช่นนั้น… พวกเรา ก็กลับที่พักกันเถิด… ข้าน้อยจักนำทางท่านไปวังอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล…”
ตลอดชีวิตการเป็นจักรพรรดิของถานไถเฉิน เขาไม่เคยเจอเรื่องไร้สาระอย่างการถูกคนอื่นปฏิเสธเช่นนี้มาก่อนเลย หากต้องร้องขอความเมตตาล่ะก็ เขายอมจากไปอย่างราบรื่นทั้งๆ แบบนี้เสียดีกว่า!
และถึงเขาจะไม่ใช่คนร้องขอความเมตตา แต่ก็ถือว่าเป็นการเสียหน้าอยู่ดี!
ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว จนอยากจะมุดดินหนีไปเสียให้จบๆ!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ไป!”
แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ฉู่หลิวเยว่ก็ดันหัวเราะเยาะแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นว่า
“นี่ พวกท่านจะไม่เข้าไปนั่งพักเสียหน่อยหรือ?”
ถานไถเฉินเจ็บแค้นใจสุดๆ! ใบหน้าของเขาบึ้งตึงไม่พอใจ!
เขากำหมัดแน่นจนแทบจะได้ยินเสียงบีบเค้นของกล้ามเนื้อ ก่อนจะระงับความโกรธในใจได้ในที่สุด และกล่าวอย่างเย็นชาโดยไม่หันกลับมามองอีก
“ไม่จำเป็น!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ตรงดิ่งไปขึ้นรถม้าและเคลื่อนออกจากถนนสายนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่โบกมือไหวๆ ให้พร้อมยิ้มอย่างสดใส
“ว่างแล้วก็แวะมาหากันบ้างนะ!”
ถานไถเฉินที่ได้ยินแทบจะกระอักเลือดออกมาเสียตรงนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...