เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 972

ครั้นบังเกิดสามหยวนรวมยอดขึ้นที่ยอดเขาหลักของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้วล่ะก็ หากถึงเวลานั้นผู้ฝึกตนยิ่งเข้าใกล้มันมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับประโยชน์จากมันมากขึ้นเท่านั้น

และถ้าโชคดี ก็จะสามารถสืบทอดพลังอันไร้ขอบเขตและทะลวงขั้นพลังปราณผ่านได้โดยตรง!

ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ มีความเป็นไปได้สูงว่าบนยอดเขาหลักนั่น จะมีความลับขององค์ไท่จู่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์เป่ยหมิง ที่ก้าวเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพซ่อนอยู่!

แม้จะได้เห็นเพียงแวบเดียว ก็อาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

มีผู้ฝึกตนคนใดในโลกบ้างเล่า ที่ไม่อยากเลื่อนขั้นสู่ระดับที่สูงขึ้นเช่นนั้น?

มันจึงถือเป็นสิ่งล่อตาล่อใจที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังเลือกที่จะไปหาเจี่ยนเฟิงฉือและเชียงหว่านโจวโดยไม่ลังเล

มู่หงอวี่รู้จักนางดีที่สุด ย้อนกลับไปเมื่อก่อนตอนที่อยู่ในสำนักวิชา สหายผู้นี้ได้ประสบกับเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน ดังนั้นพอเห็นอีกฝ่ายตัดสินใจเช่นนี้ นางจึงไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด หนำซ้ำยังพยักหน้าให้อีก

ทว่าอวี่เหวินจิงหงและอู๋หมิงยังแอบประหลาดใจอยู่หน่อยๆ

เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่เลือกแบบนี้

สุดท้ายแล้วหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงนั้น จะเปิดเพียงครั้งเดียวในรอบพันปี และโอกาสเช่นนี้ในรอบพันปีจะมีเพียงหนเดียวเท่านั้น!

แต่นางก็ยังเลือกจะทำเช่นนั้น…

ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกเสียดายก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด และพูดราวว่ามันเป็นเพียงตัวเลือกธรรมดาๆ ทั่วไปเท่านั้น

อวี่เหวินจิงหงและอู๋หมิงมองหน้ากัน ทั้งคู่มองเห็นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในดวงตาของกันและกัน

แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้พูดอันใด และเงียบปากลงด้วยความเข้าใจไปโดยปริยาย

หลังจากหยุดพักฟื้นกันพักใหญ่ ฉู่หลิวเยว่ก็ลุกพรวดขึ้น

“ถวนจื่อ!”

เสียงกระพรือปีกดังสนั่นหวั่นไหวพลันถวนจื่อที่แต่เดิมตัวกระจิดริด ก็แปลงกายกลับคืนสู่ร่างเดิมอย่างรวดเร็ว!

ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้นไปบนหลังของมันก่อนคนแรก จากนั้นจึงเรียกอีกสามคนที่เหลือขึ้นไป

เมื่อรอให้คนทั้งกลุ่มยืนอยู่บนหลังของถวนจื่ออย่างมั่นคงแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ลูบหัวถวนจื่อเบาๆ

“ไปกันเถอะ!”

ถวนจื่อกระพือปีกบินบนอากาศขึ้นทันที! แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างว่องไว!

ร่างสีแดงพุ่งหลาวไปในอากาศราวกับเปลวเพลิงสายหนึ่งที่กำลังลุกโชน และกระจายรัศมีออกไปอย่างรวดเร็ว!

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงลมปราณชนิดพิเศษของกระดิ่งทองคำ ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ดวงหน้างามเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

แสดงว่านางใกล้จะถึงแล้ว!

นางหลุบตามองลงไปข้างล่าง และเห็นหุบเขาคดเคี้ยวแลดูขรุขระวางตัวทอดแนวอยู่ระหว่างยอดเขาทั้งสอง

ซึ่งภายในหุบเขานั้น ปรากฏเงาร่างสองร่างที่ดูคุ้นเคย

หัวใจของนางกระตุกวูบ

แควก!

ถวนจื่อเปล่งเสียงร้องพลันบินโฉบและลดระดับลงไปด้านล่าง!

ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าใกล้พื้นที่ด้านล่าง กลับต้องพบกับแรงต้านที่มองไม่เห็น!

ความเร็วของถวนจื่อช้าลงอย่างมาก!

“รีบหนีเร็ว! ที่ตรงนี้มันแปลกๆ ชอบกล!”

มู่หงอวี่โพล่งขึ้นพัลวัน

ทั้งอวี่เหวินจิงหงและอู๋หมิงยังคงมึนงง

“แปลกตรงไหนหรือ?”

มู่หงอวี่ยกนิ้วขึ้นแล้วชี้ลงไปด้านล่างด้วยสีหน้าจริงจัง

“ดูเหมือนว่าพื้นที่ในหุบเขาแห่งนี้จะถูกพลังบางอย่างแทรกแซงอยู่ จนก่อให้เกิดเป็นความยุ่งเหยิงขึ้นมา”

“ความยุ่งเหยิงหรือ?”

อวี่เหวินจิงหงจ้องมองมันอย่างระมัดระวัง

ภูเขาที่วางตัวเป็นแนวคลื่น ยอดเขาเขียวขจีสวยสดสวยงาม และบางครั้งมีลมกรรโชกแรง จนใบไม้ทั่วทั้งผืนป่าส่งเสียงกรอบแกรบไปตามแรงลม

“ดูๆ แล้วไม่เห็นจะมีอันใดผิดปกติเลย…”

แต่ฉู่หลิวเยว่กลับขมวดคิ้วแล้วสั่งการทันที

“ถวนจื่อ ถอยก่อน!”

และพูดตามหลักแล้ว การที่พวกเขาบินถลาลงไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น ย่อมทำให้สองคนนั้นสังเกตเห็นพวกของตนอยู่แล้ว

แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ พวกเขาสองคนก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่อย่างใด

สิ่งนี้ทำให้ฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างเป็นกังวล

มู่หงอวี่พยักหน้าตอบรับ และชี้ไปยังหุบเขาด้านล่าง

“ข้าขอกล่าวเชิงเปรียบเทียบแล้วกัน ณ ที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้ คือห้วงมิติที่แน่นิ่งราวกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่ถูกย้อมเป็นสีเดียวทั้งแผ่น ทว่าห้วงมิติและชั้นบรรยากาศด้านล่างนั้น… กลับเต็มไปด้วยพลังที่ยุ่งเหยิงเกี่ยวพันกันให้ขวัก ราวกับ…กระดาษที่ถูกละเลงด้วยสีสันต่างๆ จนเละเทะและขาดออกจากกัน”

นางพูดพลางชี้นิ้วไปตามจุดต่างๆ

“ตรงนั้นคือเศษห้วงมิติเล็กๆ และข้างๆ กันก็มีช่องมิติเล็กๆ สองช่องกำลังบีบเข้าหากัน และตรงข้ามกันนั้น แม้จะเป็นห้วงมิติที่สมบูรณ์ แต่มันก็แตกต่างจากจุดอื่นๆ…”

ถึงฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ จะไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดเฉกเช่นมู่หงอวี่ แต่พวกเขาก็พอจะเข้าใจสิ่งที่นางเอ่ยออกมาอยู่บ้าง

“พูดก็คือ…ในหุบเขาแห่งนี้ มีมิติที่แตกต่างกันออกไปอย่างน้อยหกหรือเจ็ดแบบใช่หรือไม่?”

อวี่เหวินจิงหงถามด้วยความประหลาดใจ

มู่หงอวี่แตะปลายคางอย่างใช้ความคิด

“จะว่าเช่นนั้นก็ได้ แต่ความจริงแล้วมันลำบากกว่านั้น เนื่องจากห้วงมิติต่างๆ เหล่านี้จะเบียดเสียดแย่งพื้นที่กัน และทำให้สภาพของห้วงมิติทั้งหมดในที่แห่งนี้แย่ลงกว่าเดิม ถ้าเข้าไปตอนนี้จักต้องอันตรายมากเป็นแน่!”

“แล้วพวกเฟิงฉือสองคนนั้นเล่า…”

สองคนนั้นยังอยู่ด้านล่าง!

ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น และนั่งห่างกันระยะหนึ่ง โดยไม่รู้ว่ากำลังทำอันใดอยู่

“ตอนนี้สภาพของพวกเขาเข้าขั้นวิกฤต… ข้าเดาว่าพวกเขาติดอยู่ที่นั่นและไม่สามารถออกไปไหนได้”

มู่หงอวี่พูดพลางหันมองฉู่หลิวเยว่

“หลิวเยว่ เจ้าว่าเราควรทำอย่างใดกันต่อดี?”

ฉู่หลิวเยว่จ้องมองภาพหุบเขาด้านล่าง ก่อนจะจมหายลึกเข้าไปในห้วงความคิด

แม้นางจะสัมผัสได้ไม่ชัดเจนเท่ากับมู่หงอวี่ แต่เมื่อพิจารณาจากแรงต้านเมื่อครู่แล้ว เกรงว่าการจัดการกับมันอาจจะยากกว่าที่คาดไว้มาก

แค่มันหยุดการเคลื่อนไหวของถวนจื่อได้ นางก็พอจะจินตนาการได้แล้วว่าพลังที่บรรจุอยู่ห้วงมิติอันยุ่งเหยิงนั่นน่ากลัวเพียงใด!

แต่ทันใดนั้น ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน ก็มีเสียงหวีดหวิวแหลมปรี๊ดดังขึ้น!

เป็นเชียงหว่านโจวที่เป่านกหวีดที่อวี้ฉือซงมอบให้กับพวกเขาสองคน!

และเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์