นางชำเลืองมองไปยังตำแหน่งที่ภาพเหล่านั้นเคยปรากฏขึ้น
ทว่ามันมืดสนิทเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
นอกจากนางแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานที่แห่งนี้ได้ปรากฏความลับอันน่าตกใจขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกำจัดความคิดฟุ้งซ่านในใจตน
แต่อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ถ้าอยากรู้ทุกอย่างจริงๆ ล่ะก็ วิธีที่ดีที่สุดคือถามหรงซิวด้วยตัวเองไปเลย!
ชิ้ง!
ฉู่หลิวเยว่อันเชิญกระบี่หลงหยวนออกมา และกระชับด้ามกระบี่แน่น! พร้อมระดมพลังปราณในร่างกาย!
แต่หลังจากเคลื่อนไหวเช่นนั้นแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าพลังปราณดั่งเดิมที่กระจายไปทั่วร่างนั้น อยู่ในสภาวะย่ำแย่กว่าที่นางคาดไว้มาก
ชีพจรดั้งเดิมในกายนั้นเปรียบเสมือนแม่น้ำหลากสาย
ซึ่งโดยปกติแล้วแม่น้ำเหล่านี้จะมีความอุดมสมบูรณ์
แต่ในเวลานี้พวกมันส่วนใหญ่กลับแห้งเหือดไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย
หากองค์ไท่จู่ไม่เรียกสตินาง เกรงว่านางคงได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เสียแล้ว…
“ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยพลันตกใจผงะสุดตัว
ดูเหมือนตอนนี้นางจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วว่า เหตุใดก่อนหน้านี้เจี่ยนเฟิงฉือกับเชียงหว่านโจวถึงได้นั่งอยู่ที่เดิมและไม่ทำอันใดเลย แต่ทั้งคู่กลับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแทน
นางไม่มีเวลาไปตรวจดูทางเจี่ยนเฟิงฉือ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอาการที่แน่ชัด ส่วนทางด้านเชียงหว่านโจวไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกมากเท่าไร แต่อาการบาดเจ็บภายในนั้นร้ายแรงมากและสูญเสียพลังปราณดั้งเดิมไปมากมาย
หรือบางที… พวกเขาอาจเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับนาง
พื้นที่แปลกประหลาดนี้ใช้วิธีการบางอย่าง เพื่อปลุกสร้างความทรงจำของผู้คนที่ติดอยู่ที่นี่ขึ้นมา และหลอกล่อผู้คนให้เข้าสู่สภาวะสูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างเงียบๆ แล้วใช้โอกาสนี้กลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของคนผู้นั้น!
“องค์ไท่จู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเราติดอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
ฉู่หลิวเยว่โพล่งถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ เพราะพลังในห้วงมิตินี้ช่างแตกต่างจากโลกภายนอก และความเร็วในการไหลเวียนของคลื่นพลังปราณก็ต่างกันด้วย ฉะนั้นจึงยากที่จะระบุได้ว่าด้านนอกนั่นผ่านไปกี่ยามแล้ว”
องค์ไท่จู่ถอนหายใจประหนึ่งลำบากใจ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า นางเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ
ส่วนตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่ามู่หงอวี่และคนอื่นๆ จะปลอดภัยดี
และนาง…ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน!
ไข่มุกธาราในจุดตันเถียนค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ และพลังปราณอันยิ่งใหญ่ก็พวยพุ่งออกมาจากมัน พลันเคลื่อนไปยังแขนขาและกระดูกของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
ในไม่ช้า พลังที่ขาดหายไปในร่างกายของนางก็ถูกเติมเต็ม และแข็งแกร่งขึ้นอีกครา!
หากเป็นคนอื่นคงจะมีสภาพไม่ต่างจากเชียงหว่านโจว แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นต่างออกไป
เมื่อก่อนไข่มุกธาราได้กลืนกินและกักเก็บพลังปราณเอาไว้มากมาย
ซึ่งหากอิงตามระดับในปัจจุบันของนาง โดยพื้นฐานแล้วพลังจากไข่มุกธาราจะช่วยเสริมให้พลังของนางนั้นไร้ขีดจำกัด!
พรึบ!
พลันปรากฏลูกไฟสองลูกพุ่งออกมาจากกระบี่หลงหยวน!
ลูกหนึ่งเป็นสีแดงเพลิง ส่วนอีกลูกนั้นสว่างโปร่งใส!
พวกมันเปล่งแสงไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว!
เมื่อคลื่นพลังที่มองไม่เห็นรอบตัวสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกมันก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นทันที!
ทั่วทั้งกายของฉู่หลิวเยว่รับรู้ถึงแรงกดดันจากทุกทิศทาง!
นางแน่นหน้าอกและหายใจแทบไม่ออก!
แม้แต่ความเร็วในการไหลเวียนของพลังปราณดั้งเดิมในกายก็ช้าลง!
นางกัดฟันฮึดสู้ พลันถ่ายเทพลังอันยิ่งใหญ่ลงในกระบี่หลงหยวน!
สองมือจับด้ามกระบี่แน่นพลันยกขึ้นสูง!
แล้วฟาดลงไป!
…
เดิมทีเชียงหว่านโจวคิดว่าตัวเองจะได้กลับไปพร้อมฉู่หลิวเยว่ แต่ทันทีที่นางหันกลับไป ร่างของนางก็หายวับไปกับตา
เหลือเพียงความว่างเปล่าและพื้นที่โล่งกว้าง
เชียงหว่านโจวขมวดคิ้วฉับ เมื่อรู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้ง
วันก่อนเขากับเจียงอวี่เฉิงมาที่นี่ และพบกับเหตุการณ์เช่นนี้
ซึ่งหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ถูกจับแยกออกจากกันและขาดการติดต่อไปโดยปริยาย
ต่อมาเขาก็ตกอยู่ในสภาวะไร้สติรับรู้
และพอตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของตนนั้นกำลังเข้าขั้นวิกฤต เขาก็รวบรวมสติที่เหลือทั้งหมด บดขยี้กระดิ่งทองคำแล้วส่งสัญญาณออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
โชคดีที่เขาประครองสติได้ และรอจนกระทั่งนางมา
“แน่นอนว่าพวกเรามาเพื่อช่วยเจ้า!”
“พวกเราหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือมองไปรอบๆ
พวกเขาอยู่ในหุบเขาลึก แต่นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครอีก
“ยังมีใครอีก?”
“หลิวเยว่น่ะสิ!” มู่หงอวี่พูดพร้อมถอนหายใจ “แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเราติดอยู่ที่นี่ ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั่นเกิดอันใดขึ้นบ้าง และไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะปลอดภัยหรือเปล่า…”
เจี่ยนเฟิงฉือสงสัยว่าเขาอาจจะหูฝาดไป จึงเอ่ยถามอีกคราอย่างอดไม่ได้
“เจ้ากำลังพูดถึงใครกัน?”
เมื่อเห็นเขาทำท่างุนงง มู่หงอวี่จึงอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เขาฟัง
หลังจากฟังจบ เจี่ยนเฟิงฉือก็ถึงกับตกตะลึงไปพักใหญ่
ฉู่หลิวเยว่ฝืนทลายค่ายกลของหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้วบุกเข้ามา… หลังจากช่วยพวกของมู่หงอวี่แล้ว พวกเขาก็มาที่นี่… และยังอัญเชิญอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาถึงสองตัว เพื่อบินลงมาช่วยพวกเขา…
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน เหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเพียงนี้?
มู่หงอวี่ไม่ได้สนใจการตอบสนองของเขามากนัก และพูดเพียงว่า
“คุณชาย เราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็ว มิฉะนั้นหากดูจากสภาพของเจ้าในตอนนี้แล้ว ถ้ายังขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มันจะยิ่งแย่ลง”
เจี่ยนเฟิงฉือพยักหน้าช้าๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่ทว่า…
“แล้วจะออกไปอย่างใด?”
ความผันผวนในมิติแห่งนี้ช่างวุ่นวายและน่ากลัวยิ่งนัก ทุกครั้งที่เขาคิดจะออกไป ก็จะถูกดีดกลับทุกครั้ง
มู่หงอวี่ตบอกดังปุๆ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลของนางโค้งลงเป็นรอยยิ้ม
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีร่างซวีหยวน? มันจะปกป้องร่างของข้า!”
ครั้นสิ้นวาจา นางก็ยืนขึ้นและยื่นมือไปหาเจี่ยนเฟิงฉือเพื่อช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน
จากนั้นนางก็กล่าวว่า
“กอดข้าไว้”
หัวใจของเจี่ยนเฟิงฉือพลันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...