ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 13

ตอนที่ 1 3 เหลือเชื่อ !

ราวสิบนาทีผ่านไป ฉีเล่ยจึงได้ทำการถอนเข็มทั้งหมดออกจากร่างของกวนไห่ผิง จากนั้น จึงสั่งให้เขานอนคว่ำหน้าลงพื้นแทน และเริ่มทำการฝังเข็มจำนวนสิบแปดเล่มลงไปบนจุดฝังเข็มต่างๆ ทั่วแผ่นหลังอีกครั้ง

กว่าจะสิ้นสุดกระบวนการฝังเข็มทั้งหมด ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดครึ้มมากยิ่งขึ้น ..

หลังจากทำการฝังเข็มไปตามจุดฝังเข็มทั่วร่างทั้ง 108 จุดแล้ว ขาทั้งสองข้างของฉีเล่ยก็ถึงกับสั่น และในระหว่างที่เขากำลังช่วยพยุงร่างของกวนไห่ผิงให้ลุกขึ้นนั้น ตัวเขาเองก็ถึงกับโซเซ และเกือบจะล้มลงไปกับพื้น

กวนไห่ผิงเห็นเช่นนั้น จึงรีบโผเข้าไปช่วยประคองร่างของชายหนุ่มไว้ทันที พร้อมกับร้องถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

“ท่านหมอฉีเป็นยังไงบ้างครับ ?”

เวลานี้ ฉีเล่ยรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง ไร้กำลังแม้แต่จะเอ่ยปากพูด จึงได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะค่อยๆทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ..

กวนไห่ผิงที่สวมเสื้อผ้ากลับไปดังเดิมแล้ว ก็ได้แต่นั่งมองฉีเล่ยอยู่เงียบๆ เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนชายหนุ่ม

หลังจากที่ฉีเล่ยลืมตาขึ้นแล้ว กวนไห่ผิงจึงได้รินน้ำชานำไปให้เขาดื่ม ฉีเล่ยยกถ้วยชาขึ้นจิบดื่มจนหมดในรวดเดียว พร้อมกับยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก

“โรคของคุณทำเอาผมเกือบตายเลยทีเดียว เหลือเชื่อจริงๆ ! ”

สีหน้าของกวนไห่ผิงบ่งบอกว่ากำลังรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก จึงได้เอ่ยขอโทษฉีเล่ยจากใจจริง “ท่านหมอครับ ผม .. ผมขอโทษท่านหมอด้วย ที่ทำให้ท่านหมอต้องมาเดือดร้อนแบบนี้ !”

“ไม่เป็นไรครับเถ้าแก่กวน อย่าคิดมากไปเลย ! แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง ? ” ฉีเล่ยปลอบใจกวนไห่ผิง ก่อนจะเอ่ยถามถึงอาการทางร่างกายของเขา

“ผมรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาก ! หลายปีมาแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกเบาสบายแบบนี้มาก่อน ทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอช่างล้ำเลิศจริงๆ ! ” กวนไห่ผิงตอบกลับฉีเล่ย และอดที่จะชื่นชมเขาไม่ได้

ฉีเล่ยฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกวนไห่ผิงไปว่า “ฮ่าๆๆ เถ้าแก่กวนชมผมมากเกินไปแล้ว ! นี่เป็นเพียงแค่การรักษาเบื้องต้นเท่านั้น ผมยังต้องฝังเข็มให้คุณอีก เพราะขืนปล่อยไปแบบนี้ อาการของคุณก็จะกลับมากำเริบขึ้นอีกได้ ..”

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน .. วันหน้า ผมจะทำการฝังเข็มให้กับคุณอาทิตย์ละสามครั้ง จนกว่าคุณจะหายดี ! ”

หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็หันมองไปรอบๆร้านที่เก่าทรุดโทรมแห่งนี้ แล้วจึงหันไปบอกกับกวนไห่ผิงว่า

“ต่อไป .. คุณไปพบผมที่บ้านจะดีกว่า สิ่งแวดล้อมที่นี่ไม่เหมาะกับการฝังเข็มนัก ..”

กวนไห่ผิงคำนับขอบคุณฉีเล่ยด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมตอบกลับไปด้วยความสุภาพนอบน้อม “ผมจะเชื่อฟังคำพูดของท่านหมอทุกอย่างครับ ในเมื่อท่านหมอสั่งให้ผมไป ผมก็จะไป !”

หลังจากนั้น ฉีเล่ยจึงได้ขอตัวกลับ แม้กวนไห่ผิงจะคะยั้นคะยอขอให้เขาอยู่รับประทานอาหารด้วยกัน ชายหนุ่มก็ยืนกรานปฏิเสธ และบอกว่า ที่บ้านได้เตรียมอาหารไว้รอเขาแล้ว

หลังจากทำสีหน้าท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดกวนไห่ผิงก็เลิกคะยั้นคะยอ แต่บอกให้ฉีเล่ยรอเขาประเดี๋ยว จากนั้น กวนไห่ผิงก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หยิบเอาลูกทองแดงที่เพิ่งนำไปเก็บมายัดใส่มือของชายหนุ่มทันที ..

ฉีเล่ยจึงได้แต่ร้องถามออกไปด้วยสีหน้าท่าทางระล้าระลัง “เอ่อ .. เถ้าแก่กวนครับ โรคของคุณยังรักษาไม่หายเลยนะครับ และน่าจะต้องใช้เวลาฝังเข็มอีกเป็นปี ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลดีแค่ไหน ..”

กวนไห่ผิงเป็นผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ จึงมีอุปนิสัยค่อนข้างใจร้อน และเป็นคนตรงไปตรงมา ได้ตอบกลับฉีเล่ยไปว่า

“ท่านหมอกรุณารับลูกทองแดงนี้ไว้เถิดนะ ! จากการรักษาของท่านหมอในวันนี้ ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า มีเพียงท่านหมอคนเดียวเท่านั้นที่จะรักษาอาการป่วยของผมได้ เพราะฉะนั้น ลูกทองแดงนี่ ช้าเร็วก็ต้องเป็นของท่านหมออยู่ดี แล้วทำไมผมต้องรอมอบให้ท่านหมอวันหลังอีกล่ะ ?”

ฉีเล่ยเข้าใจความรู้สึกของกวนไห่ผิงได้ดี เขาคงจะกลัวว่า ชายหนุ่มอาจจะเปลี่ยนใจไม่ยอมรักษาอาการป่วยให้กับเขาต่อ เขาจึงต้องการมอบลูกทองแดงให้ล่วงหน้า เพราะนั่นเท่ากับว่า ฉีเล่ยได้รับค่ารักษาจากเขาไปแล้ว

และเพื่อให้กวนไห่ผิงสบายใจ ฉีเล่ยจึงรับลูกทองแดงไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนกวนไห่ผิงนั้น เมื่อเห็นฉีเล่ยยินยอมรับลูกทองแดงไปแต่โดยดี เขาก็ได้แต่รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก

………..

กว่าฉีเล่ยจะกลับมาถึงบ้าน ก็เป็นเวลาห้าทุ่มตรงพอดี ..

เฉินอวี้หลัวเห็นว่าฉีเล่ยยังไม่กลับ หญิงสาวจึงได้นำขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม มานั่งกินพร้อมกับดูทีวีรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น

เมื่อมาถึง ฉีเล่ยก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเฉินอวี้หลัว พร้อมกับอ้าปากกินขนมเค้กที่ภรรยาป้อนให้ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า

“แม่ล่ะ ? เข้านอนแล้วเหรอ ?”

เฉินอวี้หลัวพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะหยิบขนมอีกชิ้นป้อนให้ชายหนุ่ม “หลับไปตั้งนานแล้วล่ะ ! กินอีกคำสิ นี่ฉันเตรียมของว่างพวกนี้ไว้รอนายเลยนะ ..”

ฉีเล่ยหันไปกินอย่างว่าง่าย พร้อมกับเอ่ยชม “หวานจังเลย !”

เฉินอวี้หลัวทำตาโตพร้อมกับร้องถามกลับไปทันที “ห๊ะ ?! หวานเกินไปงั้นเหรอ ? นี่นายคงจะไม่ชอบกินของหวานสินะ ?”

ฉีเล่ยหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะตอบหญิงสาวกลับไปว่า “ใครบอกล่ะ ? คุณทำอะไรให้ผมกิน ผมก็ชอบทั้งนั้นล่ะ ! อีกอย่าง ต่อให้เค้กนี่จะหวานแค่ไหน แต่ก็หวานสู้คุณไม่ได้แน่ ..”

หลังจากพูดจบ ฉีเล่ยก็ก้มลงไปจูบเฉินอวี้หลัวทันที ทั้งคู่แลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม และยิ่งผลัดกันจูบไปจูบมานานเท่าไหร่ อารมณ์ความต้องการของทั้งคู่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และในที่สุด ฉีเล่ยก็ใช้มือทั้งสองข้างช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะพาเข้าไปในห้องนอนของตนเอง ..

หลังจากทั้งคู่แลกเปลี่ยนความสุขกันจนพอใจแล้ว เฉินอวี้หลัวก็ถึงกับหลับไหลไปพร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนหน้า ฉีเล่ยจ้องมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของภรรยาแล้ว ก็ได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ

“นี่ล่ะ .. คือชีวิตที่ฉันต้องการ !”

ความเจ็บปวดทรมาน ที่เขาได้รับมาตลอดระยะเวลาแปดปีของการแต่งงาน พลันมลายหายไปจนสิ้น ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน