ตอนที่153 ประลองรอบสอง(1)
ฉีเล่ยเคยโค่นตระกูลเป่ยได้แล้วครั้งหนึ่ง และเป่ยฉวนเทียนเองก็ยังเต็มใจมอบป้ายประจำตระกูลเป่ยให้กับเขาอีกด้วย ซึ่งฉีเล่ยก็ปฏิเสธที่จะรับมา แต่กลับถูกอีกฝ่ายรบเร้าไม่หยุดจนต้องนำกลับมาบ้านด้วยจนได้ ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากรับเอามานั้น ก็เพราะไม่ต้องการสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายนั่นเอง
แต่เมื่อฉีเล่ยกลับมาที่คลินิกตระกูลเป่ยอีกครั้งกลับผิดคาด เขาได้พบว่า ธุรกิจของตระกูลเป่ยไม่เพียงจะไม่ได้รับผลกระทบหลังจากถูกปลดป้ายตระกูลออกไป แต่กลับยิ่งทำให้มีคนไข้มากขึ้นกว่าก่อนหน้าอย่างน้อยสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว!
อันที่จริงแล้ว หากลองใคร่ครวญดูคิดให้ดี ตระกูลเป่ยนั้นก่อตั้งคลีนิกอยู่ในเมืองปักกิ่งมาก็นานแล้ว และเสาหลักที่ทำให้คลีนิคแห่งนี้ยังคงได้รับความนิยมจวบจนถึงปัจจุบัน ก็คือชื่อเสียงของเป่ยฉวนเทียนที่สั่งสมมานานนับหลายสิบปีนั่นเอง ด้วยจุดแข็งดังกล่าวทำให้ที่นี่ยังคงเป็นตัวเลือกแรกเสมอสำหรับผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย และต้องการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน
คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด พวกเขาก็ย่อมผงาดอยู่ได้
ฉีเล่ยเพิ่งจะย่างเท้าก้าวเข้าไปเหยียบในโถงคลินิกได้ไม่นาน จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งตรงเข้ามาทักทายทันที
เธอคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากหญิงสาวในชุดกี่เพ้าที่เขาได้พบเมื่อครั้งก่อน เธอจำฉีเล่ยได้ทันทีที่เห็นหน้า แต่สีหน้าการแสดงออกของเธอกลับดูไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่นัก พร้อมเอ่ยถามว่า
“คุณมาทำอะไรที่นี่อีก?”
ฉีเล่ยยิ้มและกล่าวว่า
“ผมมาเยี่ยมอาวุโสเป่ยน่ะครับ”
หญิงสาวในชุดกี่เพ้ากล่าวตอบทันทีเจือสีหน้าประหลาดใจว่า
“หรือจะมาโค่นสำนักของเราอีกคะ?”
ครั้งล่าสุดที่ฉีเล่ยมานั้น จุดประสงค์ของเขาก็มาเพื่อโค่นสำนัก และช่วงชิงป้ายประจำตระกูลเป่ยอันทรงเกียรติไป แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้จำนวนคนไข้เพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ในอีกด้านมันก็ทำให้คลินิกตระกูลเป่ยเกิดข่าวเด่นประเด็นร้อนบนโลกอินเตอร์เน็ตเช่นกัน และในเวลานี้เขาก็กลับมาที่นี่อีกครั้งโดยยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริง หรือบางทีพายุแห่งหายนะระลอกที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ฉีเล่ยคลี่ยิ้มอ่อนโบกไม้โบกมือไปมาพร้อมตอบกลับไปว่า
“ผมแค่นัดมาคุยกับอาวุโสเป่ยเฉยๆครับ ไม่ได้มาโค่นสำนักอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
ในตอนแรก เป่ยฉวนเทียนได้ประกาศไว้ว่า ภายในสามวันให้หลังตนจะไปท้าประลองกับฉีเล่ยอีกครั้งถึงหน้าบ้าน แต่วันนี้จู่ๆเป่ยจ้าวหยวนก็โทรมามาหาฉีเล่ยแจ้งให้เขารีบมาที่บ้านตระกูลเป่ยโดยเร็ว เพราะเวลานี้มีผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิชาฝังเข็มที่ฉีเล่ยชำนาญ
ฉีเล่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายอะไร จึงไม่ได้ตอบปฏิเสธและรีบเดินทางมาที่นี่โดยเร็ว นอกจากนี้แล้ว เป่ยฉวนเทียนเองก็ยังเป็นปรมาจารย์แพทย์อาวุโสที่เขาเคารพอย่างมากคนหนึ่งด้วย ผนวกกับเหตุผลข้อนี้แล้ว หากเขาไม่มา ก็ดูจะเป็นคนไร้เหตุผลไปหน่อย
หญิงสาวในชุดกี่เพ้านำทางฉีเล่ยเข้ามาด้านในตัวเรือนและปล่อยให้เขานั่งรอในห้องรับรอง หลังจากนั้นสักพักใหญ่ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินลงมา แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเป่ยจ้าวหยวน เขารีบเดินตรงมาหาฉีเล่ยพร้อมกับทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ฉีเล่ย โทษทีที่ให้รอนาน คุณปู่กำลังรอนายอยู่ชั้นบน”
ฉีเล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ช่วยนำทางไปทีครับ พอดีผมยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่”
เป่ยจ้าวหยวนดูตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เขารีบผายมือเชื้อเชิญฉีเล่ยให้ตามไปทันที ปากก็ร้องบอกไปว่า
“ได้สิ! เชิญทางนี้เลย”
ดูเหมือนว่าหลังจากการประลองครั้งล่าสุดได้จบลง ทัศนคติของเป่ยจ้าวหยวนที่มีต่อฉีเล่ยนั้นจะเปลี่ยนไปมาก เขาไม่มีท่าทางที่ดูหยิ่งยโสอย่างแต่ก่อนแล้ว ในทางตรงข้าม เขายังปฏิบัติตัวต่อฉีเล่ยราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่งอีกด้วย
เป่ยจ้าวหยวนเดินนำทางไป โดยมีฉีเล่ยเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ จนกระทั่งเข้าไปในห้องโถงชั้นสองซึ่งตกแต่งในแบบจีนโบราณ
ภายในห้องมีชายชราอยู่สี่คนกำลังนั่งดื่มชาพลางพูดคุยสนทนากันอยู่ แต่เมื่อเห็นฉีเล่ยเดินเข้ามา ทุกคนต่างก็พากันหันขวับมา และสายตาทุกคู่ก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของฉีเล่ย
เป่ยฉวนเทียนลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง สีหน้าผ่องใส กล่าวขึ้นอย่างจริงใจว่า
“มาแล้ว มาแล้ว เตรียมตัวพร้อมรึยังล่ะ?”
“ขอบคุณอาวุโสเป่ยมากเลยครับที่ให้เกียรติเชื้อเชิญผมแบบนี้ ผมพร้อมแล้วครับ”
“ฮ่าๆ ตอนนี้ที่คลินิกของเรามีคนไข้ที่อยากจะให้เธอช่วยทำการรักษาให้ แต่ถ้ารักษาอย่างเดียวคงจะน่าเบื่อไปหน่อย ฉันก็เลยขอเสนอให้แข่งกันรักษาดีไหม? พูดตามตรงนะ ฉันตื่นเต้นมากจนนอนหลับไม่เต็มอื่นมาหลายวันแล้ว ขอบอกตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ประลองฝีมือกับคนเก่งๆอย่างเธออีกไหม ยังไงก็อย่าถือสากันเลยนะ”
“อาวุโสเป่ยกล่าวเกินไปแล้วครับ ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ ไม่มีปัญหา”
เป่ยฉวนเทียนตบไหล่ฉีเล่ยเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
“ไม่มากเกินไปหรอก ฉันชอบหนุ่มสาวแบบเธอจริงๆนะ ไม่หยิ่งผยองอวดดี รู้จักวางตัว แต่ก่อนแข่งขันฉันอยากจะขอร้องเธอเรื่องหนึ่ง ห้ามเธอออมมือให้ฉันเด็ดขาด ฉันอยากจะใช้โอกาสนี้ได้เปิดหูเปิดตาสักครั้งเผื่อฝีมือจะพัฒนาขึ้นบ้าง ฮ่าฮ่า…”
ฉีเล่ยพยักหน้าตอบไปอย่างสุภาพว่า
“ผมจะทำอย่างเต็มที่ครับ”
เป่ยฉวนเทียนหัวเราะ
“มาเถอะ ฉันจะแนะนำทุกคนให้เธอรู้จัก”
ในขณะที่เอ่ยบอกฉีเล่ยนั้น เขาก็ได้ชี้ไปที่ชายชราแก้มตอบใบหน้าเคร่งขรึม ดูเอาจริงเอาจังอยู่ตลอดเวลา
“คนนั้นชื่อว่าหลัวไป่ซิ่ว เป็นปรมาจารย์ด้านกระดูกที่โด่งดังที่สุดในปักกิ่ง ฝีมือด้านการรักษากระดูกของเขานับว่ายอดเยี่ยมมาก และรักษาผู้ป่วยมาแล้วนับไม่ถ้วน”
ฉีเล่ยโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพและกล่าวทักทายว่า
“อาวุโสหลัว ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
หลัวไป่ซิ่วพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวทักทายตอบ สีหน้าการแสดงออกดูแข็งกระด้างไร้มนุษย์สัมพันธ์ใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน