ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 2

ตอนที่ 2 หยุดร้องไห้ได้แล้ว

โจรหนุ่มกระหน่ำแทงมีดสั้นในมือลงไปที่ท้องน้อยของฉีเล่ยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉีเล่ยก็อาศัยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่มี คว้าข้อมือข้างซ้ายของโจรหนุ่มที่กำจี้หยกไว้ พร้อมกับออกแรงง้างฝ่ามือของมันอย่างแรง

และในที่สุด เขาก็สามารถช่วงชิงจี้หยกออกมาจากมือของโจรหนุ่มได้ จากนั้น โจรหนุ่มก็ได้วิ่งหนีไปในทันที !

หลังจากได้สติ เฉินอวี้หลัวก็รีบวิ่งเข้าไปดูฉีเล่ยที่นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นทันที เวลานี้ ชายหนุ่มดูเหมือนจะหมดเรี่ยวหมดแรง พร้อมกับใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดแบบแผลที่ท้องของตนไว้ และกำลังรอให้ใครสักคนมาช่วยห้ามเลือดให้กับเขา

ในระหว่างนั้น ฉีเล่ยรู้สึกคล้ายกับว่า ร่างของตนเองเปลี่ยนเป็นเบาหวิววราวกับปุยนุ่น และกำลังล่องลอยไปมาอยู่กลางอากาศ

“อย่าตายนะ ! นายต้องไม่เป็นอะไร ? ฉันยังไม่อนุญาตให้นายตาย ! ”

เสียงร้องห่มร้องไห้ บวกกับเสียงร้องตะโกนของเฉินอวี้หลัวดังเข้ามาในโสตประสาทของฉีเล่ย น้ำตาของหญิงสาวไหลนองหน้า

เวลาผ่านมานานมากกว่าแปดปี นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นฉีเล่ยทำอะไรเช่นนี้ แม้ว่าภายในใจของเธอจะยังคงโกรธแค้นฉีเล่ยอยู่ แต่เมื่อเห็นเขากำลังจะตายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เฉินอวี้หลัวก็อดไม่ได้ที่จะร้องห่มร้องไห้ออกมา และรู้สึกเจ็บปวดคล้ายกับว่าหัวใจจะแหลกสลาย

ฉีเล่ยไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากเพียงแค่ยิ้มให้กับเฉินอวี้หลัวเท่านั้น !

ตลอดเวลาแปดปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีเล่ยรู้สึกว่า ตนเองได้ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย และเป็นอิสระที่สุด !

‘เถ้าแก่เฉิน ! ครั้งก่อนคุณสละชีวิตเพื่อช่วยผม แต่ครั้งนี้ ผมได้สละชีวิตของตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตของลูกสาวคุณแล้ว .. ’

‘หนี้ชีวิตที่ผมติดค้างคุณ ผมได้ชดใช้คืนให้จนหมดแล้ว .. ’

‘เวลานี้ .. ผมเป็นอิสระแล้ว ! ’

หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ

ไม่มีผู้ใดได้เห็นว่า เวลานี้วิญญาณของฉีเล่ยได้ล่องลอยออกจากร่าง ที่กำลังนอนกองอยู่กับพื้นอย่างช้าๆ และค่อยๆล่องลอยขึ้นไปในอากาศ สูงขึ้น และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันนั้น จี้หยกที่เขากำอยู่ในมือก็ค่อยๆ เปล่งแสงสีทองจางๆออกมา !

วิญญาณที่ล่องลอยออกจากร่างของฉีเล่ยนั้น เวลานี้ได้ถูกแสงสีทองสุกสว่างนั้นดึงดูดเอาไว้ และไม่นานนักแสงสีทองนั้นก็ได้อันตรธานหายไป

เวลานี้ วิญญาณของฉีเล่ยได้ยืนอยู่บนอากาศ และด้านหน้าของเขานั้น ก็มีชายชราผมขาวผู้หนึ่งยืนนิ่งอยู่

“คุณ .. คุณเป็นใครเหรอครับ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ” ฉีเล่ยร้องถามออกมาด้วยสีหน้า และแววตาตื่นตระหนก

“ข้าคือดวงจิตของบรรพชนตระกูลเฉินที่สิงสถิตอยู่ในจี้หยก ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเฉิน .. ”

“ฉีเล่ย .. เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของเจ้าที่มีต่อตระกูลเฉินของข้า อีกทั้งเจ้าเองก็แต่งเข้าเป็นบุตรเขยตระกูลเฉินแล้ว จึงเสมือนทายาทคนหนึ่งของตระกูลเฉินเช่นกัน .. ”

ชายชราผมขาวโพลนจ้องมองฉีเล่ย พร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า ..

“เพื่อเป็นการตอบแทนความทุกข์กายทุกข์ใจตลอดระยะเวลาแปดปี ที่เจ้าได้รับ ข้าจะมอ บ ทักษะทาง การแพทย์ที่ล้ำเลิศให้ แก่เ จ้า และ จะ ขอให้เจ้าช่วยนำพาตระกูลเฉินของข้า ให้กลับมายิ่งใหญ่ และ สง่างามดังเช่นอดีต อีกครั้ง ..”

“แต่เจ้าจะต้องจำให้ขึ้นใจว่า ทักษะวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้กับเจ้านั้น หาใช่เพียงเพื่อช่วยกู้ศักดิ์ศรีตระกูลเฉิน แต่ยังเพื่อช่วยเหลือ และสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้อีกด้วย ! ”

หลังจากที่ชายชราผมขาวพูดจบแล้ว ร่างของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างเจิดจ้า พุ่งเข้าสู่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของฉีเล่ยทันที

ฉีเล่ยรู้สึกราวกับว่าศรีษะของเขานั้นกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง จากนั้น ภาพตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นมืดสนิทขึ้นในทันที

……….

สามชั่วโมงต่อไป ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหนานหยาง ..

เฉินอวี้หลัวสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่นอกห้อง และกำลังจ้องมองไปทางร่างของฉีเล่ย ที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียง

แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป แต่ในมือของฉีเล่ยก็ยังคงกำจี้หยกนั้นไว้แน่น กระทั่งแพทย์ที่ทำการรักษาพยายามจะแกะจี้หยกออกจากมือของเขา ก็ยังไม่สามารถทำได้

เฉินอวี้หลัวรู้สึกว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก ระหว่างที่พักกลางวัน เธอจึงได้พยายามเดินออกไปนอกโรงพยาบาล เพื่อหาซื้อของให้จิตใจสงบ

แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะจิตใจของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับชายหนุ่มที่เธอโกรธแค้น และเฝ้าข่มเหงรังแกเขามาตลอดระยะเวลาแปดปีว่า จะตายอย่างน่าเวทนาหรือไม่ ?

เพราะเหตุใดเธอถึงได้รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง แล้วก็โศกเศร้าขนาดนี้ เมื่อคิดว่าเขาจะต้องตายไปจริงๆ ?

เฉินอวี้หลัวได้แต่ได้แต่สูดลมหายใจเข้า เพื่อให้ความรู้สึกว้าวุ่นสับสนต่างๆ ภายในใจสงบลง แล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องตรวจของตนเอง

พยาบาลสาวที่เดินผ่านมาพอดี จึงได้เดินเข้าไปกระซิบถามเฉินอวี้หลัวว่า “คุณหมอคะ นี่สามีของคุณเป็นคนเก็บเศษขยะจริงๆเหรอคะ ?”

แม้เพื่อนๆที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน จะรู้ว่าเฉินอวี้หลัวแต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าสามีของเธอเป็นใคร และทำงานทำการอะไร ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน